โปรแกรม แสกนไวรัส VS ไฟร์วอลล์ ต่างกันยังไง? ทำงานแบบไหน?

antivirus vs firewall 1

ถ้าเคยใช้คอมพิวเตอร์อยู่ทุกวัน เราจะเห็นว่าหลายครั้งโปรแกรมแอนตี้ไวรัสจะกำจัดไฟล์ที่ติดไวรัส หรือพอเข้าเว็บไซต์บางเว็บจะมีการแจ้งเตือนความปลอดภัยจากไฟร์วอลล์จากการเข้าใช้งานอยู่บ่อยๆ แล้วสงสัยไหมว่า Firewall vs Antivirus มันทำงานแต่ต่างกันยังไง Prospace จะเล่าให้ฟัง

Antivirus คืออะไร ทำงานยังไง?

ตัวโปรแกรมแอนตี้ไวรัสก็แปลตรงตัวตามชื่อ โดยมีหน้าที่ในการป้องกันอันตรายที่เข้ามาในตัวอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของเรา เปรียบเสมือนยามที่เข้ามาส่องทุกจุดของเครื่องคอมพ์ของเรา รวมถึงอ่านโค้ด อ่านไฟล์ และดูแลการเข้าออกของไฟล์ต่างๆบนคอมพิวเตอร์

Firewall คืออะไร หน้าที่หลักคืออะไร? 

ตัวเครื่องไฟร์วอลล์เป็นอุปกรณ์ที่ไว้ตรวจสอบการเข้าออกไฟล์ที่ผ่านเข้าออกเครือข่าย หรือถ้าเปรียบเทียบแล้วก็เหมือน รปภ. ประจำหมู่บ้าน โดยที่มีหน้าที่อัพเดทความรู้ด้านไวรัส และเว็บไซต์อันตรายใหม่ๆ รูปแบบการเข้ามาของผู้ไม่หวังดี รวมถึงปิดช่องโหว่ของระบบลูกข่ายที่เป็นเสมือนลูกบ้านของเรานั่นเอง 

antivirus vs firewall 3

ทำงานแตกต่างกันอย่างไร?

ถ้าลองมาเปรียบเทียบกันแล้ว โปรแกรมแอนตี้ไวรัสนั้นเป็นเหมือนกล้องวงจรปิดในบ้าน ห้องนั่งเล่น หน้าบ้าน หลังบ้าน จุดเสี่ยงต่างๆที่โจรอาจจะมาขึ้นบ้าน และไฟร์วอลล์เป็นเสมือนยามประจำหมู่บ้านที่คอยกีดกันคนแปลกหน้าไม่ให้เข้าหมู่บ้าน ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากลูกบ้าน หรือ ตัวแทนของหมู่บ้านนั่นเอง

อะไรที่จำเป็นกว่า?

เป็นเรื่องที่พูดคุยได้ไม่รู้จบสำหรับประเด็นว่า Firewall หรือ Antivirus อะไรจำเป็นกว่ากัน อะไรที่สำคัญกว่ากัน จริงๆแล้วทั้งสองตัวจำเป็นต่างกันออกไป  อย่างเช่นถ้ามีการใช้แค่คอมส่วนตัว ใช้งานทั่วไป ดาวโหลดไฟล์ออฟฟิศปกติ ไม่ต้องมีข้อมูลสำคัญจำเป็นอะไร การมีแค่โปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่ใช้งานทั่วไปก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าเกิดเป็นรูปแบบบริษัทที่มีทั้งข้อมูลทางบัญชี ข้อมูลทางการเงิน ข้อมูลลูกค้าต่างๆ ที่เป็นข้อมูลที่ต้องการความปลอดภัยสูง จึงจำเป็นต้องมีออปชั่นเสริมตามมาอย่าง Firewall ที่ต้องเข้ามากำหนดว่าใครเข้าถึงข้อมูลไหนได้บ้าง คนในออฟฟิศห้ามเข้าเว็บแบบไหน ซึ่งจำเป็นต้องให้ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบเข้ามาวางเส้นทาง Network ขององค์กรนั่นเอง

ทำไมต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญมาดูแล

จากสถิติการเกิดข้อผิดพลาดของระบบ Firewall มาจากการตั้งค่าผิดของคนทำงานถึง 99% โดยปัญหาหลักๆคือระบบ Network นั่นมีความซับซ้อนด้านการทำงานแบบไดนามิก กล่าวคือถ้าเกิดการอัปเดตระบบ A อาจจะทำให้ระบบ B มีข้อผิดพลาด หรือระบบดังกล่าวทำงานได้ดีกับ Windows server2000 ซึ่งปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเรื่องระบบเข้ามาดูแลให้โดยเฉพาะ แทนที่จะลงมือทำเองแล้วเกิดปัญหาทั้งระบบนั่นเอง

สรุป

โปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่ใช้ในคอมพิวเตอร์ทั่วไปนั้นง่ายต่อการใช้งาน โดยที่ไม่ต้องมีความรู้เฉพาะทางเข้ามาช่วยเหลือ โดยที่การครอบคลุมการดูแลนั้นอาจจะแค่คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นเครื่องเดียว แต่ระบบ Firewall นั้นจะดูแลภาพรวมของเครือข่ายว่ามีช่องโหว่อะไรที่ควรจะปิดกั้นหรือเปล่า

 

ฉะนั้นถ้าเป็นระดับองค์กรนั้นจึงต้องมีการติดตั้งทั้ง Firewall และโปรแกรมแอนตี้ไวรัสทั้งสองทาง เพื่อป้องกันสิ่งแปลกปลอมทั้งทางอินเตอร์เน็ต และทางไฟล์ที่ถูกส่งมาจากแฟลชไดร์ฟนั่นเอง ซึ่งปัญหาหนักใจขององค์กรสมัยใหม่คือ การที่ต้องมาดูแลระบบอันหน้าปวดหัวของ Firewall ที่ไม่รู้จะต้องซื้อแบบไหน ต้องดูแลยังไง เน็ตจะล่มเพราะเครื่องเล็กเกินจะคัดกรองข้อมูลหรือเปล่า จึงเกิดเป็นบริการ Firewall as a Service ที่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาที่ยากจะอธิบายด้านระบบ โดยที่บริการนี้จะช่วยออกแบบระบบ Network วาง Firewall และสร้างระบบ Network ของบริษัท ครบวงจรนั่นเอง อย่างไรก็ตามสามารถปรึกษาปัญหาด้านไฟร์วอลล์กับเราได้โดยกรอกข้อมูลด้านล่างนี้ แล้วทีม Prospace จะติดต่อเข้าไปช่วยเหลือคุณ

References :

Source1

แก้แชท Line หาย ไฟล์หมดอายุ ลืมแบคอัพ ด้วยจดที JotT keep Line chat

ไลน์หาย แชทหาย Line หมดอายุ

จากการที่ตอนนี้สถานการณ์หลายอย่างในโรคระบาดเริ่มอยู่ในระยะที่ควบคุมได้แล้ว แต่ตลอดระยะเวลาที่ปัจจัย 5 ของชาวออฟฟิศที่ขาดไม่ได้คือ Line นั่นเอง แต่ปัญหาที่ตามมาคือแชทเยอะแยะจนเบลอ เอกสารที่ลูกค้าที่เคยส่งมาเมื่อสองสัปดาห์ก่อนก็ดันหมดอายุ จะไปขอใหม่ก็กลัวโดนตำหนิ บทความนี้จะช่วยแก้ปัญหาของคุณได้เลย

ปัจจัยที่ 5 ของชาวออฟฟิศ

เป็นที่แน่นอนว่าเราต้อง work from home ไปเรื่อยๆ Trend การทำงานหลายออฟฟิศจะลดเวลาเข้าทำงานที่บริษัทลงในอนาคต ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าต่อให้มีตัวช่วยการทำงานที่บ้าน ไม่ว่าจะประชุมกันด้วย ZOOM จัดตารางการทำงานด้วย Google calenda หรือแชร์ไฟล์งานใน Team Drive ก็ตาม แต่สุดท้ายเราก็แชทคุยงานระหว่างวันด้วย Line เป็นส่วนใหญ่ 

 

จึงเริ่มเป็นปัญหาว่าแชทแต่ละวันมันยุ่งเหยิง ไฟล์งานส่งไปมา บ้างก็หล่นหาย ไฟล์หมดอายุ อยู่ๆมือถือก็เกิดตกแตกพัง จนข้อมูลแชทเดิมที่ดึงกลับมาได้ก็หายบ้าง หมดอายุบ้าง จึงเกิดเป็น “น้องจดที” ที่จะช่วยคุณแก้ปัญหา “แชทหาย” และ “ไฟล์งานสำคัญ” หมดอายุ ด้วยการเก็บข้อมูลบนระบบ Cloud ที่ทุกคนในทีม สามารถเข้าไปดูได้นั้นเอง

What's JotT solution?

JotT จดทีคืออะไร?

จดทีจะช่วยให้คนทำงานเก็บแชทแบ่งเป็นห้องๆ แล้วอัพโหลดข้อความไว้บน Cloud  ที่ได้รับรองจาก Line ในความปลอดภัย 

  • เก็บแชท ในทุกๆห้องที่ต้องการ ไปไว้บน Cloud โดยทุกคนในทีมเข้าไปอ่านได้
  • เก็บไฟล์งาน ที่เคยส่งหากันในห้องแชท ไปเก็บไว้ โดยไฟล์ไม่หมดอายุตลอดการใช้งาน
  • ปลอดภัยสูง ด้วยการป้องกันการเข้าถึงด้วยระบบ SSL ที่เข้าถึงด้วยบัญชี Line โดยตรง

How to use JotT Line Chat backup1

JotT จดที่ใช้งานยังไง?

โดยการใช้งานง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากใน 1 นาทีเท่านั้น

  1. เปิดแอพ Line ในมือถือขึ้นมา / login LINE บนคอมพิวเตอร์How to use JotT Line Chat backup2
  2. เพิ่มเพื่อนน้องจดที JotT.ai เป็นเพื่อนในไลน์เพียงเท่านี้ก็เริ่มต้นใช้งานได้เลยHow to use JotT Line Chat backup3
  3. มาดูแชทของน้องผ่านเว็บไซต์จดที >>> เข้าสู่ระบบ >>> เข้าด้วย LINEHow to use JotT Line Chat backup4
  4. เลือกห้องแชทที่คุณได้เชื่อมต่อไว้How to use JotT Line Chat backup5
  5. เข้ามาแล้วจะปรากฏแชทแบบ realtime ที่บันทึกขึ้นมาบนระบบHow to use JotT Line Chat backup6
  6. ไฟล์งานที่อัพโหลดส่งในไลน์ ก็จะถูกส่งขึ้นระบบเช่นเดียวกันHow to use JotT Line Chat backup6

เพียงเท่านี้ก็ช่วยเหลือคนทำงานในช่วง Work from Home ให้งานยังอยู่ครบ จบในแอพเดียว 

 JotT Line chat promotion

 

สรุป… จดทีไม่ได้เหมาะกับทุกคน!

การใช้งาน LINE ในชีวิตประจำวัน แชทคุยกับแฟน กับครอบครัวนั้นครบถ้วนกับการใช้งานอยู่แล้ว เพียงแต่เมื่อเราต้องเปลี่ยนมาใช้เพื่อการทำงาน หลายอย่างที่เคยตกหล่นไป เช่น แชทข้อมูลการยืนยันออเดอร์ ที่สามารถนำไปใช้ในการยืนยันการทำงาน หรือไฟล์เอกสารสำคัญจากลูกค้า ที่การสามารถเก็บไฟล์ไม่ให้หาย และไม่ต้องขอลูกค้าซ้ำอีก คือการแสดงความมืออาชีพ สร้างความประทับใจให้ลูกค้าคนสำคัญไม่แพ้กัน JotT น้องจดที เลยเป็นตัวช่วยในธุรกิจของคุณให้ราบรื่น สมัครวันนี้สามารถใช้งานได้ฟรี 30 วัน โดยแพกเกจเริ่มต้นที่ 500 บาทสำหรับ 15 ห้องแชท สามารถกรอกแบบฟอร์มด้านล่างนี้เพื่อทดลองใช้งานได้เลย

Facebook ทำข้อมูลหลุด 533 ล้านบัญชี ทำยังไง แก้ไขยังไง?

Facebook ทำข้อมูลหลุด

เหตุการณ์ในต้นปีที่ผ่านมาที่เป็นคำถามที่อาจเกิดขึ้นในใจของผู้ที่ใช้ Facebook เพราะมีข่าวถูกปล่อยออกมาว่า Facebook ทำข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้หลุดออกไปในที่พื้นที่สาธารณะบนโลกออนไลน์มากถึง 533 ล้านบัญชีจากทั่วทุกมุมโลก

ข้อมูลอะไรที่หลุดไปแล้วบ้าง?

ข้อมูลส่วนตัวที่กล่าวถึงคือหมายเลขโทรศัพท์ และอีเมล ซึ่งเป็นสิ่งยอดฮิตของการส่งข้อความชวนเล่นการพนัน และการส่งข้อความขโมยข้อมูลการเงินของคนในยุคนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่ผู้ใช้หลายคนใช้ข้อมูลเหล่านี้เข้าสู่ระบบในการทำธุรกรรมต่าง ๆ สร้างความหวาดกลัวให้ผู้ใช้ ทำให้ Alon Gal นักวิจัยด้านความปลอดภัย ต้องเร่งออกมาตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับระบบเก็บข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญของผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็น 

  • ตำแหน่งที่ตั้ง
  • สถานที่ทำงาน
  • รูปโปรไฟล์
  • วันเดือนปีเกิด
  • สถานะความสัมพันธ์ และรายละเอียดอื่น ๆ ที่ปรากฎบนโปรไฟล์

สาเหตุการเกิดปัญหาครั้งนี้

โดยเบื้องต้นตรวจสอบพบว่าเกิดจาก Telegram bot ที่เป็นโปรแกรมให้ทำงานตอบกลับอัตโนมัติ เช่น ตอบคำถามของสมาชิกหรือส่งประกาศในเวลาที่กำหนด ซึ่งเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นแล้ว ที่โดนเจาะข้อมูลด้านความปลอดภัย ก่อปัญหาด้านความเชื่อมั่นและทำลายความน่าเชื่อถือให้กับ Facebook  

 

ผู้ใช้หลายล้านบัญชีได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ อาทิเช่น ถูกนำข้อมูลไปเปิดบัญชีปลอมแปลงสร้างตัวตนขึ้นมาเพื่อกระทำสิ่งที่ไม่ควร นำไปก่อเหตุต่าง ๆ ทั้งในบนโลกออนไลน์และออฟไลน์  เจาะหาที่อยู่ของคุณเพื่อทำการโจรกรรม หลายคนตั้งรหัสผ่านโดยคาดเดาได้ง่าย อาจอ้างอิงจากวันเกิด หรือเบอร์โทรศัพท์มือถือ  ทำให้เหล่าแฮกเกอร์สามารถเจาะช่องโหว่และเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น

Facebook ข้อมูลหลุด ทำยังไง

วิธีป้องกันสำหรับผู้ใช้งาน

  1. ตรวจเว็บไซต์เพื่อมั่นใจว่าเป็นเว็บจริง
    ตรวจสอบดูว่าเป็นเว็บไซต์จริง เช่น facebook.com ไม่ใช่ fecebook , fadebook หรือชื่อที่คล้ายๆกัน ซึ่งอาจจะเป็นเว็บไซต์ปลอมที่ทำให้เราใส่ username และ password เข้าไปแล้วโดนขโมย account ได้
  2. ใส่ข้อมูลส่วนตัวเท่าที่จำเป็น
    แต่ละเว็บไซต์ Socialmedia หรือ Shopping ต่างๆ จะมีการให้กรอกข้อมูลส่วนตัวมากมาย เช่น ชื่อจริง วันเกิด อีเมล เบอร์โทร หรือแม้กระทั่งสถานะความสัมพันธ์ก็ตาม สิ่งเหล่านี้เป็นเสมือนโปรไฟล์ของเราก็จริง แต่จะดีกว่านี้ถ้าหากใส่ข้อมูลเท่าที่จำเป็นในแต่ละแพลตฟอร์ม เช่น อาจจะไม่ใส่เบอร์โทรศัพท์ในโซเชี่ยลมีเดีย เพื่อป้องกันการถูกติดตาม ไม่ใส่รายได้ต่อเดือนในเว็บช้อบปิ้งออนไลน์เป็นต้น
  3. เลือก Login ผ่านระบบที่ไว้ใจได้
    ปัจจุบันการสมัครสมาชิกในเว็บไซต์ต่าง ไม่จำเป็นต้องสมัครสมาชิกใหม่ กรอกข้อมูลใหม่แล้ว แต่สมารถสมัครสมาชิกเว็บไซต์นั้นๆผ่านบัญชี Google หรือ Facebook ซึ่งจะทำให้เรามั่นใจได้ว่าเราสามารถจำกัดการเข้าถึงข้อมูลได้แน่นอน.
  4. เข้าเว็บไซต์ที่มีใบรับรองความปลอดภัย
    เว็บไซต์ในโลกอินเตอร์เน็ตมีหลากหลายรูปแบบ โดยสิ่งที่เรากับเว็บไซต์จะสื่อสารกันจะเป็นสิ่งที่เรียกว่า SSL (Security socket layer) ซึ่งเป็นระบบป้องกันการส่งข้อมูลของเราไปยังระบบเว็บไซต์ สมมติว่าเราส่งข้อมูลเราไปสู่เว็บไซต์ผู้ให้บริการเป็นข้อมูลโทรศัพท์ 089-xxx-xxxx

    ถ้าเป็นเว็บไซต์ที่มีระบบป้องกันนี้ เมื่อมี Hacker มาเจาะข้อมูลระหว่างทางที่เราส่งให้เว็บไซต์ ฝ่ายคนเจาะระบบเองจะเห็นเป็นรหัสที่แปลไม่ออก เช่น JFIPDJMsd41r12e1tgxd2f21x2x แทนที่จะเห็นเป็นเบอร์โทรศัพท์ของเรา นั่นคือข้อดีของเว็บไซต์ที่มี SSL หรือส่วนใหญ่จะขึ้นต้นด้วย Https:// ตามด้วยชื่อเว็บไซต์ เป็นต้น

อะไรเป็นบทเรียนของเรา

  • อย่างไรก็ตามไม่ว่าระบบความปลอดภัยของ Facebook จะถูกแก้ไขและพัฒนาให้ดีขึ้นสักเท่าไร จะสังเกตได้ว่าก็ยังคงพบการถูกโจมตีด้วยวิธีการต่างๆที่ไล่ให้ทันระบบ สิ่งสำคัญในฐานะเป็นผู้ใช้งานอย่างเราๆ สิ่งที่ทำได้กับตัวเองคือการเปลี่ยนรหัสผ่านบ่อยๆ ถ้าในฐานะผู้ประกอบธุรกิจ การยกเครื่อง Firewall ในองค์กรทุกๆปี ก็เป็นวิธีการที่ควรจะทำ แต่ถ้าหากไม่มีพนักงานที่เชี่ยวชาญด้านระบบไฟร์วอลล์

  • เราขอแนะนำบริการ Firewall as a Service ที่เป็นการเช่า Firewall พร้อมกับทีมช่างผู้ชำนาญการ โดยทีมช่างพร้อมให้บริการตลอดอายุการใช้งาน ลดความเสี่ยงด้านการถูกโจรกรรมข้อมูลสำคัญขององค์กร โดยสามารถกรอกข้อมูลด้านล่างนี้  ให้ทีม Cybersecurity ของเราช่วยวิเคราะห์ความเสี่ยงได้เลย..