วิธีสมัคร Gmail บนมือถือ คอมพิวเตอร์ ทีละขั้นตอน ไม่เก่งไอทีก็ทำตามได้

เราปฏิเสธไมไ่ด้เลยว่าทุกวันนี้เราจำเป็นต้องมี Gmail ใช้ในชีวิตประจำวัน เพราะต้องมาใช้ในบริการที่จำเป็นมากๆอย่าง youtube ใช้สมัครเพื่อโหลดแอพ playstore หรือใช้ผูกบัญชี Line เพื่อนำมาสำรองข้อมูลไม่ให้หาย ทั้งหมดนี้ทำให้เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่สมัครอีเมลของ google วิธีสมัคร gmail นั้นไม่ยากเลย วันนี้เราจะอธิบายวิธีสมัคร Gmail ให้อ่านเป็นขั้นตอน ทำง่าย ทำได้จริง

วิธีสมัครอีเมลบนมือถือ

วิธีสมัครอีเมลบนคอมพิวเตอร์


อีเมล Gmail ใช้ทำได้ครอบคลุมจักรวาลของโลกออนไลน์

Gmail เป็นอีเมลฟรีที่พัฒนาขึ้นมาโดย Google ซึ่งเป็นเหมือนของที่ทุกคนต้องมีติดตัวไว้ไม่ว่าจะใช้มือถือ หรือ คอมพิวเตอร์อย่างใดอย่างหนึ่งก็ตาม เนื่องจากในชีวิตประจำวันของเรานั้นจำเป็นจะต้องข้องเกี่ยวกับหนึ่งในหลายร้อยบริการของกูลเกิ้ล ไม่ว่าจะเป็น ยูปทูป (Youtube) ไว้สำหรับดูคลิปวีดีโอออนไลน์ , ยูทูปมิวสิค (Youtube music) ไว้สำหรับฟังเพลงออนไลน์โดยเฉพาะ , โครม (Chrome) โปรแกรมเข้าสู่เว็บไซต์ที่คนใช้เป็นอันดับหนึ่งของโลก

สำหรับผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟนแอนดรอย (android) จำเป็นต้องผูกบัญชี gmail ไว้เพื่อเปิดใช้บริการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นผ่าน เพย์สโตร (Playstore) หรือแม้กระทั่งเก็บข้อมูลไว้บนคลาวก็ต้องใช้บริการของ ไดร์ฟ (Google drive ) อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นการมีอีเมลของ google สักอีเมลเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่หลายครั้งเองคนที่ไม่ถนัดใช้คอมพิวเตอร์ในชีวิตประจำวัน ก็อาจจะสมัครใช้บริการ gmail ไม่เป็นเลยต้องให้คนอื่นสมัครให้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็อาจจะจำรหัสผ่านไม่ได้ จำชื่ออีเมลไม่ได้ จึงต้องมีการสมัครใหม่เพื่อใช้บริการอีกครั้ง โดยเราจะพาไปเปิดบัญชีใหม่ด้วยตัวเอง ด้วยวิธีการจับมือทำทีละขั้นตอน

วิธีการสมัคร Gmail ด้วยอุปกรณ์ที่ต้องการ

วิธีสมัคร Gmail ด้วยมือถือทีละขั้นตอน

  1. ขั้นตอนแรก : เข้าสู่หน้าเว็บไซต์ เข้าได้จากที่นี่ (เว็บไซต์ www.gmail.com)
  2. ขั้นตอนต่อมาเข้าสู่การ “สร้างบัญชี (create account)” และเลือก “สำหรับการใช้งานส่วนตัวของฉัน (for my personal use)
  3. จากนั้นจะเข้ามาสู่หน้าสร้างบัญชี โดยการกรอกข้อมูลเบื้องต้น
    – ชื่อ นามสกุล
    (ใช้ได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ)
    – ชื่อผู้ใช้ คือชื่ออีเมลที่ใช้งาน
    ต้องเป็นภาษาอังกฤษ,ตัวเลข,ตัวอักษรพิเศษ ได้มากกว่า 6 ตัวขึ้นไป
    – ตั้งรหัสผ่าน และ ยืนยันรหัสผ่าน (พิมพ์รหัสซ้ำอีกรอบ)
    โดยการตั้งรหัสผ่านนั้นต้องผสมด้วย ภาษาอังกฤษพิมพ์ใหญ่ , ภาษาอังกฤษพิมพ์เล็ก , ตัวเลข และ ตัวอักษรพิเศษ ในการมาสร้างรหัสผ่าน โดยจำเป็นต้องมีมากกว่า 8 ตัว
  4. ปัญหาหลายครั้งคือการตั้งชื่อผู้ใช้แล้วซ้ำกับที่มีอยู่แล้ว จำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้ชื่อใหม่ โดยเทคนิคการตั้งชื่อให้ผ่านที่ใช้จดจำได้ง่ายและเห็นได้แพร่หลายมีดังนี้
    -ใช้ชื่อกับนามสกุล
    ถ้าชื่อว่า Prospace Professionalit ก็ตั้ง Prospace-professionalit@gmaill.com
    -ใช้ชื่อกับปีเกิด
    ถ้าชื่อว่า Prospace Professionalit ก็ตั้ง Prospace_2002@gmaill.com
    -ใช้ชื่อกับชื่อเล่น
    ถ้าชื่อว่า Prospace Professionalit ก็ตั้ง Prospace-micky@gmaill.com
    โดยตัวอย่างข้างต้นเป็นเพียงหนึ่งในหลายวิธีคิดชื่ออีเมลซึ่งไม่มีกฏเกณฑ์อะไรสำหรับตั้งชื่อนี้เป็นพิเศษ
  5. เมื่อได้ชื่อตามที่ต้องการแล้วขั้นตอนต่อมาเป็นการตั้งรหัสผ่าน โดยต้องกรอก “รหัสผ่าน” และ “ยืนยัน” เป็นรหัสที่เหมือนกัน 
    – วิธีการตั้งรหัสผ่าน
    จำเป็นต้องประกอบด้วยอักษรพิมพ์ใหญ่ , อักษรพิมพ์เล็ก , ตัวเลข , อักษรพิเศษ เช่น AAaa*324 โดยประสมกันในการตั้งรหัสผ่าน
    – เทคนิคการตั้งรหัสผ่าน (สำหรับคนคิดไม่ออก)
    แน่นอนว่าการเลือกรหัสผ่านไม่ง่ายเลยสำหรับคนที่ไม่ได้ใช้กรอกเข้าระบบบ่อยๆ เราขอแนะนำให้ตั้งรหัสที่เกี่ยวข้องกับตัวเรา เบอร์มือถือ จำนวนรถในบ้าน ชื่อเล่น ชื่อเล่นน้องหมาแมว ฯลฯ ที่สามารถจดจำได้ง่ายนั่นเอง เช่น “Meaw1999Hah@” , “Pro$pace0854497373” เป็นต้น
  6. เมื่อตั้งรหัสผ่านเสร็จและกด “ถัดไป” จากขั้นตอนที่แล้วก็จะเข้าสู่หน้านี้ ในขั้นตอนนี้จะให้มีการยืนยันหมายเลขโทรศัพท์ ขั้นตอนนี้เป็นการยืนยันตัวตนเท่านั้น ไม่ได้เป็นการผูกเบอร์กับบัญชี gmail เมื่อกรอกเสร็จแล้วจะได้รับ SMS เข้ามือถือ
  7. เมื่อได้ SMS มาแล้วนำมากรอกในหน้ายืนยันตัวตน

  8. จากนั้นจะเข้ามาสู่การยอมรับเงื่อนไข “ความเป็นส่วนตัวและข้อกำหนด” ให้เลื่อนลงมาข้างล่างเพื่อยอมรับเงื่อนไข

  9. เมื่อเข้ามาหน้านี้จะมีให้เลือกกรอก “หมายเลขโทรศัพท์” จะกรอกเพื่อให้บัญชีปลอดภัยมากขึ้น หรือ ไว้กรอกภายหลังก็ได้จากนั้นให้ไปเพิ่ม วัน เดือน ปี เกิด และ เพศ และกด “ถัดไป
  10. เมื่อสมัครเสร็จแล้วจะเข้าสู่หน้า Gmail ที่เป็นเมลเปล่าๆเป็นอันเสร็จการสมัครอย่างเป็นทางการโดยอย่าลืมจด อีเมล รหัสผ่าน ไว้ในที่ที่เราสามารถย้อนกลับไปเปิดดูได้จะดีที่สุด


วิธีสมัคร Gmail ด้วยคอมพิวเตอร์ทีละขั้นตอน

  1. ขั้นตอนแรก : เข้าสู่หน้าเว็บไซต์ เข้าได้จากที่นี่ (เว็บไซต์ www.gmail.com)
    วิธีสมัคร gmail เปิดหน้าเว็บ
  2. ขั้นตอนต่อมาเข้าสู่การ “สร้างบัญชี” และเลือก “สำหรับการใช้งานส่วนตัวของฉัน
    วิธีสมัคร gmail
  3. จากนั้นจะเข้ามาสู่หน้าสร้างบัญชี โดยการกรอกข้อมูลเบื้องต้น
    – ชื่อ นามสกุล (ใช้ได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ)
    – ชื่อผู้ใช้ คือชื่ออีเมลที่ใช้งานต้องเป็นภาษาอังกฤษ,ตัวเลข,ตัวอักษรพิเศษ ได้มากกว่า 6 ตัวขึ้นไป
    – ตั้งรหัสผ่าน และ ยืนยันรหัสผ่าน (พิมพ์รหัสซ้ำอีกรอบ) โดยการตั้งรหัสผ่านนั้นต้องผสมด้วย ภาษาอังกฤษพิมพ์ใหญ่ , ภาษาอังกฤษพิมพ์เล็ก , ตัวเลข และ ตัวอักษรพิเศษ ในการมาสร้างรหัสผ่าน โดยจำเป็นต้องมีมากกว่า 8 ตัว
    วิธีสมัคร gmail
  4. ปัญหาหลายครั้งคือการตั้งชื่อผู้ใช้แล้วซ้ำกับที่มีอยู่แล้ว จำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้ชื่อใหม่ โดยเทคนิคการตั้งชื่อให้ผ่านที่ใช้จดจำได้ง่ายและเห็นได้แพร่หลายมีดังนี้
    -ใช้ชื่อกับนามสกุล
    ถ้าชื่อว่า Prospace Professionalit ก็ตั้ง Prospace-professionalit@gmaill.com
    -ใช้ชื่อกับปีเกิด
    ถ้าชื่อว่า Prospace Professionalit ก็ตั้ง Prospace_2002@gmaill.com
    -ใช้ชื่อกับชื่อเล่น
    ถ้าชื่อว่า Prospace Professionalit ก็ตั้ง Prospace-micky@gmaill.com
    โดยตัวอย่างข้างต้นเป็นเพียงหนึ่งในหลายวิธีคิดชื่ออีเมลซึ่งไม่มีกฏเกณฑ์อะไรสำหรับตั้งชื่อนี้เป็นพิเศษ
    วิธีสมัคร gmail
  5. เมื่อได้ชื่อตามที่ต้องการแล้วขั้นตอนต่อมาเป็นการตั้งรหัสผ่าน โดยต้องกรอก “รหัสผ่าน” และ “ยืนยัน” เป็นรหัสที่เหมือนกัน 
    – วิธีการตั้งรหัสผ่าน
    จำเป็นต้องประกอบด้วยอักษรพิมพ์ใหญ่ , อักษรพิมพ์เล็ก , ตัวเลข , อักษรพิเศษ เช่น AAaa*324 โดยประสมกันในการตั้งรหัสผ่าน
    – เทคนิคการตั้งรหัสผ่าน (สำหรับคนคิดไม่ออก)
    แน่นอนว่าการเลือกรหัสผ่านไม่ง่ายเลยสำหรับคนที่ไม่ได้ใช้กรอกเข้าระบบบ่อยๆ เราขอแนะนำให้ตั้งรหัสที่เกี่ยวข้องกับตัวเรา เบอร์มือถือ จำนวนรถในบ้าน ชื่อเล่น ชื่อเล่นน้องหมาแมว ฯลฯ ที่สามารถจดจำได้ง่ายนั่นเอง เช่น “Meaw1999Hah@” , “Pro$pace0854497373” เป็นต้น
    วิธีสมัคร gmail
  6. เมื่อตั้งรหัสผ่านเสร็จและกด “ถัดไป” จากขั้นตอนที่แล้วก็จะเข้าสู่หน้านี้ ให้เลื่อนลงมาด้านล่างสุด
    วิธีสมัคร gmail
    จากนั้นกด “ฉันยอมรับ” เพื่อไปในขั้นตอนถัดไป

    วิธีสมัคร gmail

  7. เมื่อเข้ามาหน้านี้จะมีให้เลือกกรอก “หมายเลขโทรศัพท์” จะกรอกเพื่อให้บัญชีปลอดภัยมากขึ้น หรือ ไว้กรอกภายหลังก็ได้จากนั้นให้ไปเพิ่ม วัน เดือน ปี เกิด และ เพศ และกด “ถัดไป
    วิธีสมัคร gmail
  8. เมื่อสมัครเสร็จแล้วจะเข้าสู่หน้า Gmail ที่เป็นเมลเปล่าๆเป็นอันเสร็จการสมัครอย่างเป็นทางการโดยอย่าลืมจด อีเมล รหัสผ่าน ไว้ในที่ที่เราสามารถย้อนกลับไปเปิดดูได้จะดีที่สุด
    วิธีสมัคร gmail เข้าสู่เมลบลอค
it support คือ

บริการ Firewall as a Service

  • การให้คำปรึกษาในการปรับปรุงระบบความปลอดภัยข้อมูล
  • แนวทางการจัดการข้อมูลที่มีการเข้าออกจากเครือข่าย
  • การจัดการคอขวดของระบบความปลอดภัยให้มีการคัดกรองโดยไม่สะดุดการใช้งาน
  • มีผู้เชี่ยวชาญคอยจัดการดูแลซอฟแวร์และจัดการ License โดยรวมอยู่ในบริการแล้ว

ปรึกษาการทำระบบไอที

กรอกแบบฟอร์มให้เราติดต่อกลับ

แบคอัพ LINE วิธี สำรองข้อมูลไลน์ ด้วย Gmail ทำง่าย ไม่เก่งไอทีก็ทำได้

Line เป็นเหมือนอวัยวะหลักในการทำงานของคนออฟฟิศ ทั้งมีการส่งรูปภาพ ส่งข้อความทักทาย หรือส่งเอกสาร เราแต่ปัญหาคือบางครั้งไฟล์ที่ส่งมานั้นหมดอายุไปซะแล้ว สับสนแชทไลน์ที่คุยกันเยอะแยะมากมายไปหมดจนบางครั้งก็หายไป แต่จริงแล้วมีฟีเจอร์ในการ แบคอัพ Line หรือการสำรองข้อมูล Line  โดยการใช้ Gmail ในการผูกบัญชีซึ่งมีวิธีการในการทำเป็นขั้นตอน ซึ่งข้อดีของการแบคอัพข้อมูลไว้นอกจากเผลอลบแอพแล้วยังมีประโยชน์มากกว่านั้นอีก

ข้อดีของการผูกบัญชี แบคอัพ Line หรือการสำรองข้อมูล Line

เผลอลบแอพทิ้ง

สำหรับปัญหาคลาสิกที่คนทำข้อมูลไลน์หายนั้นเกิดจากการใช้งานมือถือในชีวิตประจำวัน เพียงแต่ว่าหลายครั้งเองก็จะมีการลบแอพออกจากเครื่องเพราะเปลืองเมมโมรี่ หรือ ลบแอพออกโดยไม่ได้ตั้งใจก็ตาม การลบแอพพลิเคชั่น Line ออกโดยไม่ได้มีการสำรองข้อมูลไว้ก่อนล่วงหน้า การติดตั้งใหม่อีกครั้งข้อมูลการแชทต่างๆจะสูญหายทั้งหมดแบบเรียกย้อนกลับไม่ได้

มือถือสู่ขิต

หลายครั้งเองมือถือเพื่อนรักที่ใช้งานจนแทบเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันก็อาจจะจากลาก่อนวันเวลาที่ต้องการ ไม่ว่าจะดับไปดื้อๆ หรือเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้น้องไม่สามารถเปิดติดได้กระทันหัน ทำให้ไม่ทันได้สำรอข้อมูลจำนวนมหาศาลไว้ในที่ปลอดภัย ทำให้ข้อมูลในไลน์ของเรานั้นหายวับไปกับตา เพื่อนพี่น้องที่เพิ่งติดต่อกันไปไม่นานนี้ก็ไม่รู้มีใครบ้าง

ล้างเครื่อง

เมื่อมือถือนั้นมีปัญหาด้านต่างที่เกี่ยวกับข้อมูล หรือ การประมวลผล ช่างนั้นอาจจะจำเป็นต้องมีการล้างข้อมูลที่อยู่ในเครื่องโดยจำเป็น ทำให้ข้อมูลที่อยู่ในเครื่อง รวมทั้งในแชทไลน์ที่ไม่ได้มีการแบคอัพเอาไว้ก็หายไปกับสายลม

ลืมผูก Gmail กับไลน์

ปัญหายอดฮิตสำหรับคนที่อาจจะไม่เก่งเรื่องไอที คือการสมัครบัญชีไลน์ผ่านเบอร์โทรศัพท์มือถือ แต่ไม่ได้ผูกบัญชีอีเมลไว้กับระบบ จะมีปัญหาที่ไม่สามารถทำการสำรองข้อมูลด้วยระบบนี้ได้โดยวิธีการที่จำเป็นต้องทำคือการมีบัญชี Gmail ก่อนถึงจะเริ่มทำได้โดย สมัคร Gmail จากนั้นเริ่มทำตามขั้นตอนได้เลย

วิธีการ แบคอัพ Line สำรองข้อมูล Line

วิธีการทำระบบสำรองข้อมูล line ขึ้น Gmail นั้นจำเป็นต้องมีการผูกบัญชีอีเมลก่อนดังนั้นถ้าหากยังไม่มี Gmail หรือจำรหัสผ่านไม่ได้ หรือไม่รู้ว่าตัวเองใช้อีเมลอะไรอยู่ สามารถเข้าไปตรวจสอบดูได้ด้วยตัวเองผ่าน วิธีการสมัคร Gmail ตรวจดูว่าตัวเองใช้อีเมลอะไร จำรหัสผ่านไม่ได้ ทำตามนี้

  1. เปิดแอพไลน์ จากนั้นเข้าไปที่การตั้งค่า

    แบคอัพ Line เปิดแชทไลน์เข้ามาหา แชท

  2. เลื่อนลงมาหา “แชท” แล้วเปิดเข้าไป

    แบคอัพ Line เปิดเข้าไปที่ แชท

  3. เลื่อนลงมาหาบัญชี Google
    (สำหรับคนที่เคยผูกบัญชีแล้วให้ข้ามไปดูขั้นตอนที่ 6 )
    แบคอัพ Line เลื่อนลงมา
    แบคอัพ Line หาบัญชี Google

  4. กดที่ “บัญชี Google” แล้วเข้าสู่ระบบ
    แบคอัพ Line เพิ่มบัญชี Google

  5. กรอกบัญชี Gmail ที่มีโดยถ้ายังไม่มีให้ สมัครตามวิธีการนี้
    แบคอัพ Line เข้าสู่ระบบ

  6. เมื่อเสร็จแล้วจะย้อนกลับมาหน้านี้ให้คลิกที่ “สำรองข้อมูลไปยัง Google ไดร์ฟ”

    สำรองข้อมูล

  7. จากนั้นรอกระบวนการสำรองข้อมูล

    ขั้นตอนการสำรองข้อมูล

  8. จนกระทั่งการสำรองข้อมูลเสร็จสิ้น

    สำรองข้อมูลสำเร็จ

  9. เมื่อเสร็จแล้วจะเห็นสถานะการสำรองข้อมูลครั้งสุดท้ายเป็นอันเสร็จสิ้น

    ประวัติการสำรองข้อมูลแชท

การแบคอัพบัญชีบน Gmail มีประโยชน์อย่างไร?

การแบคอัพระบบด้วยวิธีการใช้อีเมลของ Gmail นั้นข้อดีคือเป็นระบบที่รองรับมาในแอพพลิเคชั่นไลน์ โดยสามารถทำได้ในมือถือเองโดยข้อดีของวิธีนี้สามารถเก็บข้อมูลได้หลากหลาย

  • เก็บประวัติการแชท

    ข้อมูลการแชททั้งหมดนั้นจะถูกแบคอัพไปทั้งหมดว่าระหว่างนั้นมีการคุยกับใครบ้าง โดยจะมีการเก็บข้อความต่างๆที่ถูกบันทึกอยู่ในเครื่อง โดยสามารถตั้งค่าให้มีการแบคอัพอัติโนมัติในทุกๆกี่วัน แต่ต้องให้แน่ใจว่าบัญชี Gmail ของคุณนั้นมีพื้นที่เพียงพอสำหรับสำรองข้อมูลอยู่

  • เก็บไฟล์ เก็บรูปภาพ

    โดยพื้นฐานของการแบคอัพข้อมูลนั้นจะมีการเก็บข้อมูลการแชททั้งหมดให้ แต่การเก็บไฟล์ต่างๆที่ส่งให้กันระหว่างแชทสนทนา โดยการเก็บรักษาไฟล์นั้นยังคงเก็บให้เพียง 7 วันหลังจากที่มีการส่งหาระหว่างกัน เช่น พูดคุยกันวันที่ 1 แบคอัพข้อมูลขึ้นอีเมลวันที่ 5 แต่หลังจากวันที่ 7 ไปแล้วไฟล์ต่างๆก็หมดอายุอยู่ดี ดังนั้นถ้าหากต้องการแบคอัพไฟล์ต่างๆไว้ด้วยตัวเอง ก็ยังไม่ตอบโจทย์การใช้งานอยู่ดี

“จดที” บริการแบคอัพไลน์จาก 7 วันเป็น 1 ปี

“จดที่” เป็นเครื่องมือในการแบคอัพไลน์กลุ่ม โดยการทำงานนั้นจะเป็นการแบคอัพเฉพาะห้องที่ต้องการ จึงเหมาะกับการแบคอัพในไลน์กลุ่มที่ทำงาน ไลน์กลุ่มที่ติดต่อลูกค้า โดยสามารถเก็บไฟล์ต่างที่เป็นประโยชน์ในการทำงานได้อย่างดี

ประวัติการแชท line ย้อนหลัง

เก็บไฟล์ให้ปลอดภัยบนคลาวระดับโลก

ระบบ “จดที่” จะมีหน้าที่เก็บข้อมูล ประวัติการแชท เอกสาร รูปภาพ วีดีโอ ที่ส่งให้กันในกลุ่มทีมงาน ไปแบคอัพบนระบบคลาว ที่จะยืดระยะเวลาเก็บข้อมูลให้สูงสุด 10 ปีอย่างปลอดภัย

ประวัติการแชท line ย้อนหลัง

แบคอัพแชทให้อัติโนมัติแบบเรียลทาม

ระบบจะทำการแบคอัพให้ตลอดเวลา ช่วยแก้ปัญหาระบบเดิมนั้นจะเก็บให้หลังจากช่วงเวลาที่กำหนด หรือ ต้องมานั่งกดแบคอัพข้อมูลด้วยตัวเอง ทำให้เปิดดูได้จากทุกอุปกรณ์ที่มีอินเตอร์เน็ตเชื่อมต่อ

ประวัติการแชท line ย้อนหลัง

เก็บไฟล์แยกให้เป็นหมวดหมู่

ระบบ “จดที” มีระบบจัดเก็บไฟล์ให้ตามหมวดหมู่ แยกเอกสาร แยกรูปภาพ ออกจากกัน ทำให้ง่ายต่อการกลับมาดูข้อมูลอีกครั้งภายหลังในอีกหลายเดือน หรือหลายปีหลังจากนั้น

แพกเกจ “จดที”

นอกจากนี้บริการแบคอัพไลน์กลุ่มนี้มีการเก็บไฟล์ตามหมวดหมู่ แยกประเภทไฟล์ออกจากกัน เช่น ไฟล์ PDF ไฟล์รูปภาพ ไฟล์วีดีโอ ออกจากกันเป็นหมวดหมู่ โดยสามารถกลับมาเปิดดูไฟล์ย้อนหลังได้ตลอดเวลา เนื่องจากมีการระบุวันที่อัปโหลดไว้ให้แล้ว พร้อมสามารถทดลองใช้งานฟีเจอร์เต็มได้ฟรี 30 วันโดยไม่มีข้อผูกมัด

ปรึกษาบริการเพิ่มเติม

เจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับไป

Internet safety คืออะไร? พร้อมกฎ 10 ข้อที่ไม่ควรทำบนโลกออนไลน์

internet safety

Internet safety คือความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ต สามารถเรียกสั้น ๆ ว่า E-Safety ก็ได้ ซึ่งการรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยนี้จะช่วยกระตุ้นให้เราตระหนักถึงความปลอดภัยส่วนบุคคล  (personal safety) ตระหนักถึงความเสี่ยงด้านข้อมูลส่วนบุคคล (private information)  รวมถึงการป้องกันอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ (computer crime) แม้ว่าทุกวันนี้แอปพลิเคชันบนมือถือสมาร์ทโฟนจะมีอิทธิพลในชีวิตประจำวันกับผู้ใช้มากกว่าการเปิดเว็บไซต์จากบราวเซอร์ก็ตาม แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ากฎขั้นพื้นฐานของความปลอดภัยทางอินเตอร์เน็ตจะมีการเปลี่ยนแปลง เพราะแฮกเกอร์ก็ยังคงมองหาช่องทางต่างๆที่จะได้มาซึ่งข้อมุลส่วนบุคคล เพื่อหาประโยชน์จากการใช้เข้าถึงข้อมูล รวมถึงข้อมูลบัตรเครดิตและบัญชีธนาคารของเราได้อยู่

Internet safety คืออะไร

Internet safety คือความปลอดภัยทางอินเตอร์เน็ต เพื่อหวังว่าพฤติกรรมการใช้งานต่างๆจะไม่นำมาซึ่งการคุกคามทางไซเบอร์ โดยความปลอดภัยทางไซเบอร์นั้นจะประกอบไปด้วย ความปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์ (Cyber security) และ พฤติกรรมการใช้งานที่ดี (Good behavior) โดยมีจุดประสงค์เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลที่เป็นความลับต่างๆให้กับตัวเองและบริษัท

  • ความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber security)

    ถ้าหากเรามีเครื่องคอมพิวเตอร์สักครั้งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องขนาดใหญ่ หรือ ขนาดเล็กที่เป็นระดับสมาร์ทโฟน เป็นสัญญาณบอกแล้วว่าถึงเวลาที่เราต้องเริ่มทำความเข้าใจความปลอดภัยทางไซเบอร์แล้ว 

  • พฤติกรรมการใช้งานที่ดี (Good behavior)

    การใช้งานคอมพิวเตอร์นั้นโดยพื้นฐานนั้นมีความปลอดภัยที่มีการบังคับมาจากผู้ผลิตบ้างแล้ว เช่น การห้ามไม่ให้ติดตั้งแอพพลิเคชั่นขากนอก app store หรือ ตั้งค่าระบบห้ามดัดแปลงให้สามารถทำนอกเหนือจากผู้ให้บริการนั้นติดตั้งค่ามาให้ ซึ่งถ้าหากผู้ใช้งานนั้นคงค่าพื้นฐานที่ได้มาก็นับว่ามีพฤติกรรมการใช้งานที่ดีแล้ว ต่อมาคือลักษณะการใช้งาน เช่น ไม่เปิดเว็บไซต์ที่มีการแจ้งเตือนความปลอดภัยจากระบบ เว็บไซต์ที่ไม่มีการเข้ารหัสข้อมูล (เว็บที่ไม่มี https://) ซึ่งเป็นส่วนประกอบของความปลอดภัยเช่นเดียวกัน

internet safety
Internet มีทั้งโอกาสในการเข้าถึงข้อมูล และอาชญากรเข้ามาในรูปแบบต่างๆ

กฏ 10 ข้อที่ไม่ควรทำบนโลกออนไลน์

ไม่ว่าจะเป็น comment ส่วนตัว หรือรูปภาพส่วนตัวที่เราไม่อยากให้ใครดู แต่ถ้ามันหลุดเข้าไปในโลกออนไลน์แล้ว ก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะลบได้ทัน เผลอ ๆ อาจต้องไปคลุกคลีกับผู้คนที่เราไม่อยากเกี่ยวข้องด้วยก็เป็นได้ นี่คือกฎ  10 ข้อที่เราควรปฏิบัติตาม เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางออนไลน์ (และออฟไลน์) ที่อาจตามมา

  1. รักษาข้อมูลส่วนตัวอย่างมือโปร

    นายจ้างหรือลูกค้าที่มีศักยภาพพอ จะไม่อยากรู้สถานะความสัมพันธ์ส่วนตัวหรือที่อยู่บ้านของเรา พวกเขาควรต้องรู้แค่ว่าเรามีความเชี่ยวชาญเรื่องอะไรบ้าง รวมถึง background ทางอาชีพของเรา และวิธีที่จะติตด่อเรื่องงานกับเราได้แค่นั้นพอ อีกทั้งเราไม่ควรให้ข้อมูลส่วนตัวกับคนแปลกหน้า โดยเฉพาะผู้คนทางโลกออนไลน์

  2. เปิดการตั้งค่า Privacy ไว้

    นักการตลาดย่อมอยากที่จะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเรา และแฮกเกอร์ก็เช่นกัน ทั้งสองอาชีพนี้สามารถรู้เกี่ยวกับตัวเราได้มากมาย เช่นว่าเราเข้าเว็บอะไร และใช้สื่อโซเชียลมีเดียอะไรบ้าง ดังนั้นเราควรปกป้องข้อมูลส่วนตัวของเรา ด้วยการตั้งค่า privacy ทั้งในเว็บไซต์และแอปบนมือถือ เช่น แอป Facebook ที่มีการตั้งค่า privacy-enhancing  ซึ่งการตั้งค่าแบบนี้มักจะหาได้ยาก เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ ก็ต้องการ personal information ของเราเพื่อเอาไปทำ marketing ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือเราควรเปิดใช้งาน privacy safeguards ตั้งแต่ตอนนี้เลย

  3. ไม่อ่อนไหวกับ content ที่น่าสงสัย

    อาชญากรไซเบอร์มักใช้ content ที่น่ากลัวเป็นเหยื่อล่อ เพราะพวกนี้รู้ดีว่าผู้คนมักอ่อนไหวกับ content ที่น่าสงสัย และเพียงแค่คลิกเดียวเท่านั้นก็อาจทำให้ personal data ของเราถูกเปิดเผย หรือทำให้เครื่องของเราติดมัลแวร์ได้เลย ดังนั้นเราไม่ควรเปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของเรา เพียงเพราะความสงสัยใคร่รู้ไม่กี่เสี้ยววินาที

  4. เชื่อมต่อกับ VPN ที่ปลอดภัย

    หากเราใช้ Wi-Fi สาธารณะ เราจะไม่สามารถควบคุมความปลอดภัยได้โดยตรง ผู้เชี่ยวชาญด้าน Corporate cybersecurity บอกว่า สิ่งที่น่ากังวลคือ “endpoints” หรือสถานที่ที่ private network ของเราเชื่อมต่อกับโลกภายนอก และ endpoints นั้นก็มีช่องโหว่ซึ่งก็คือการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในพื้นที่ของเราเอง ดังนั้นเราควรเช็กให้ชัวร์ก่อนว่าเครื่องของเราปลอดภัยพอที่จะเชื่อมต่อกับ Wi-Fi สาธารณะไหม? หรือถ้าไม่ชัวร์ก็ให้รอจนกว่าเราจะเจอเครือข่าย Wi-Fi ที่ปลอดภัย เพื่อความปลอดภัยในการใช้อินเทอร์เน็ต ให้ใช้การเชื่อมต่อ VPN ที่มีความปลอดภัย (virtual private network) VPN จะช่วยให้เรามีการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยระหว่างเครื่องของเราและ Internet server ที่ไม่มีใครสามารถตรวจสอบหรือเข้าถึงข้อมูลที่เรากำลังดูอยู่ได้

  5. ระวังข้อมูลที่เราดาวน์โหลด

    Top goal ของอาชญากรไซเบอร์คือการหลอกล่อให้เราดาวน์โหลดมัลแวร์ โปรแกรม หรือแอปที่มีมัลแวร์ รวมถึงพยายามขโมยข้อมูลของเรา มัลแวร์นี้สามารถปลอมตัวเป็นแอปได้ตั้งแต่ popular game ไปจนถึงแอปเช็กการจราจร หรือแอปเช็กสภาพอากาศ ดังนั้นแนะนำว่าอย่า download apps ที่ดูน่าสงสัยหรือมาจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ

    internet safety
    การเข้าถึงอินเตอร์เน็ตไม่ได้มีแค่คอมพิวเตอร์ แต่อุปกรณ์หลากหลายที่เข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้

รับเทคนิคความรู้ดีๆ เรื่อง "ความปลอดภัยไอทีในองค์กร"

6. เลือกใช้ Strong Passwords

รหัสผ่านนับว่าเป็นหนึ่งในจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของ Internet security structure ทั้งหมด และปัจจุบันก็ยังไม่มีวิธีไหนที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้ 100% ปัญหาเกี่ยวกับรหัสผ่านที่พบได้บ่อยที่สุดก็คือผู้คนมักจะเลือกรหัสที่จำได้ง่าย ๆ (เช่น “password” และ “123456”) ซึ่งง่ายต่อการคาดเดามาก ดังนั้นเราควรตั้งรหัสผ่านที่คาดเดาได้ยาก เพื่อไม่ให้อาชญากรไซเบอร์เข้ามาขโมยข้อมูลของเราได้ง่ายขึ้น ปัจจุบันนี้มี password manager software หลายตัวที่สามารถช่วยเราจัดการกับรหัสผ่านหลายรหัสและยังสามารถป้องกันการลืมรหัสผ่านของเราได้ สำหรับ strong password ก็คือรหัสที่ไม่ซ้ำใครและมีความซับซ้อน และอาจจะมีความยาวอย่างน้อย 15 อักขระ โดยอาจผสมตัวอักษร ตัวเลข และอักขระพิเศษเข้าไปด้วย

7. ซื้อสินค้าออนไลน์จากเว็บไซต์ที่ปลอดภัย

ทุกครั้งที่เราซื้อสินค้าออนไลน์ เราต้องกรอกข้อมูลบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต ซึ่งเป็นสิ่งที่อาชญากรไซเบอร์ชอบมากที่สุด ดังนั้นเราควรกรอกข้อมูลบัตรต่าง ๆ ของเราเฉพาะเว็บไซต์ที่ปลอดภัยและเชื่อมต่อ encrypted (Encryption คือการเข้ารหัส หรือการแปลงข้อมูลให้เป็นรหัสลับ ไม่ให้ข้อมูลความลับนี้ถูกอ่านได้โดยบุคคลอื่น) เท่านั้น สำหรับเว็บไซต์ที่ปลอดภัยเราสามารถดูได้จาก web address ที่ขึ้นต้นด้วย https: (S ย่อมาจาก secure) นอกจากนี้บางเว็บก็อาจมีรูปไอคอนแม่กุญแจถัดจากแถบ web address ด้วย

8. ระวังอะไรก็ตามที่เราโพสต์

บนโลกของอินเทอร์เน็ต comment หรือรูปภาพที่เราโพสต์ อาจอยู่บนโลกออนไลน์ตลอดไปก็ได้ เนื่องจากการลบอะไรที่เราโพสต์ไปแล้ว ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่แคปหรือ copies โพสต์ของเราเอาไว้ และไม่มีทางที่เราจะ “take back” สิ่งที่เราโพสต์กลับคืนมาได้ ถ้าหากไปอยู่ในมือของคนอื่นแล้ว ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคืออย่าโพสต์อะไรที่จะทำให้เราเสียใจในอนาคตเลย

9. ระวังคนในโลกออนไลน์

บางครั้งคนที่เราเจอในโลกออนไลน์ อาจไม่ใช่ตัวตนจริง ๆ ของเขาก็ได้ จากรายงานของ InfoWorld พบว่า fake social media profiles เป็นวิธียอดฮิตของเหล่าแฮกเกอร์ในการหลอกลวงผู้ใช้เว็บที่ไม่ระวังตัว ดังนั้นเราควรระวังและมีสติอยู่เสมอเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ใน online social เช่นเดียวกับเวลาที่เราใช้ชีวิตอยู่ในโลกของความเป็นจริง

10. อัปเดต Antivirus Program อยู่เสมอ

Internet security software ไม่สามารถป้องกันภัยคุกคามทุกอย่างได้ แต่จะตรวจจับและลบมัลแวร์เสียส่วนใหญ่ แม้ว่าเราจะอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดแล้วก็ตาม ดังนั้นอย่าลืมติดตามการอัปเดตของ operating system และแอปพลิเคชันที่เราใช้งานอยู่ เพราะ Internet security software ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกันในการป้องกันภัยคุกคาม เวลาที่เราจะท่องอินเทอร์เน็ต อย่าลืมนึกถึงกฎ Internet safety พื้นฐานทั้ง 10 ข้อนี้ เพราะหากเราระวังตัวเองไม่มากพอ เราอาจจะต้องพบเจอกับเรื่องน่ากลัวมากมายที่แฝงตัวอยู่บนโลกออนไลน์ได้

Internet safety ที่มีการผู้ดูแลระบบ

นอกจากนี้นอกจากการป้องกันไวรัสจากพฤติกรรมที่ดีและเหมาะสมแล้ว สิ่งที่เป็นหัวใจของการใช้ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตที่ปลอดภัย จำเป็นต้องมีการออกแบบมาให้มีความสอดคล้องกับการใช้งานในปัจจุบัน มีระบบที่เก็บ log การเข้าใช้งาน รวมถึงมีผู้ดูแลระบบที่เข้าใจ ผ่านบริการ Firewall as a Service เข้ากับระบบภายในขององค์กร 

สมัครรับข่าวสาร "ความปลอดภัยไอทีในองค์กร"

it support คือ

Firewall as a Service

  • การให้คำปรึกษาในการปรับปรุงระบบความปลอดภัยข้อมูล
  • แนวทางการจัดการข้อมูลที่มีการเข้าออกจากเครือข่าย
  • การจัดการคอขวดของระบบความปลอดภัยให้มีการคัดกรองโดยไม่สะดุดการใช้งาน
  • มีผู้เชี่ยวชาญคอยจัดการดูแลซอฟแวร์และจัดการ License โดยรวมอยู่ในบริการแล้ว

Ransomware คือ อะไร ทำงานอย่างไร พร้อมวิธีแก้ไข

ransomware

Ransomware คือ ไวรัสชนิดหนึ่งที่ถูกออกแบบมาเพื่อล็อคไฟล์เพื่อทำการเรียกค่าไถ่ในการปลดล็อค โดยมีจุดเป้าหมายของการทำไวรัสชนิดนี้คือการเข้าถึงข้อมูลสำคัญภายในบริษัท โดยการติดไวรัสของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆมีวิธีการที่คล้ายกับการติดไวรัสชนิดอื่น แต่สร้างความเสียหายระบบคอมพิวเตอร์ภายในออฟฟิศเป็นอันดับต้นๆของโลก

Ransomware คือ อะไร?

แรนซัมแวร์เป็นมัลแวร์ (malware) ชนิดหนึ่งที่เข้ารหัสไฟล์ของเหยื่อแล้วเอาข้อมูล โดยมัลแวร์ (malware) นั้นเป็นคำที่ย่อมาจาก malicious software หรือ โปรแกรมที่อันตราย โดยมีเป้าหมายหลักในการไม่ประสงค์ดีกับระบบ ทำลายคอมพิวเตอร์ โดยโปรแกรมอันตรายเหล่านี้เราอาจจะได้ยินชื่อกันมาบ้าง เช่น trojan , warm , viruses , spyware , adware และอื่นๆ โดยแรนซัมแวร์ นั้นเป็นวิธีการหนึ่งในการทำลายข้อมูล โดยการเข้ารหัสของไฟล์ ถึงแม้ว่าตัวแรนซัมแวร์เองแต่แรกนั้นต้องการเพียงเรียกค่าไถ่โดยการกรอกรหัสผ่าน แต่มีการพัฒนาภายหลังถึงกระบวนการเข้ารหัสไฟล์ และขโมยไฟล์ออกมาจากฐานข้อมูลจากการพัฒนาต่อมา

ransomware
เมื่อมีการติดไวรัส ransomware แล้วมีการเข้ารหัสไฟล์ไม่สามารถเข้าถึง และเปิดดูข้อมูลได้
  • วิธีการทำงาน

  1. ส่งอีเมลมาเพื่อหลอกให้หลงกล (Phishing spam)

    ไฟล์อะไรก็ตามที่แนบมากับอีเมลที่ส่งเหยื่อ โดยปลอมตัวเป็นอีเมลที่น่าเชื่อถือ เมื่อเหยื่อดาวน์โหลดและเปิดไฟล์ที่แนบมาแล้ว ผู้โจมตีก็สามารถเข้าครอบครองคอมพิวเตอร์ของเหยื่อได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้โจมตีใช้เครื่องมือ social engineering ที่หลอกลวงเหยื่อเพื่อจะได้เข้าไปถึงการควบคุมคอมพิวเตอร์โดยเข้าไปในระบบ รับมืออีเมล หลอกลวง ให้กับพนักงานบริษัท ทำยังไงดี?

  2. เจาะเข้าไปในระบบควบคุม (Admistrative access)

    นอกจากนี้การคุกคามยังมีในรูปแบบอื่น ที่ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ security ในการเข้าไปในคอมพิวเตอร์ของเหยื่อ โดยไม่จำเป็นต้องหลอกลวงเหยื่อเลย โดยเมื่อมีการเข้าไปได้แล้ว ก็สามารถทำการล็อครหัสผ่าน มัลแวร์สามารถทำอะไรกับคอมพิวเตอร์ของเหยื่อได้หลายอย่างเลย และวิธีที่พบบ่อยที่สุดคือการเข้ารหัสไฟล์ของผู้ใช้ ส่วนการที่จะถอดรหัสได้นั้นก็มีเพียงผู้โจมตีเท่านั้นที่ทำได้ ในกรณีที่ผู้ใช้โดนมัลแวร์โจมตี ระบบจะขึ้นข้อความประมาณว่า “ตอนนี้คุณไม่สามารถเข้าถึงไฟล์ได้แล้ว และถ้าจะให้ถอดรหัสให้คุณต้องจ่ายเพื่อปลดล็อค”

  3. แอบอ้างเป็นหน่วยงานเพื่อไปจ่ายค่าปรับ

    มัลแวร์บางรูปแบบผู้โจมตีอาจอ้างว่าเป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย เพื่อที่จะระงับการใช้คอมพิวเตอร์ของเหยื่อ โดยอ้างว่าพบสื่อลามกหรือซอฟต์แวร์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ และบอกให้เหยื่อชำระ “ค่าปรับ” อีกทั้งวิธีนี้ยังมีความเสี่ยงน้อยที่เหยื่อจะไปแจ้งความ แต่การโจมตีส่วนใหญ่มักจะไม่ใช้วิธีนี้

  4. ขู่ว่าจะเปิดข้อมูลสู่สาธารณะ

    ransomware
    ขั้นตอนการขอรหัสการปลดล็อคนั้นสะดวกขึ้น ส่วนใหญ่เป็นการยอมจ่ายเงินผ่านทางเหรียญคริปโต เพื่อไม่สามารถติดตามย้อนกลับทางการเงินได้

    นอกจากนี้ยังมีมัลแวร์ในรูปแบบอื่นอีกที่เรียกว่า Leakware หรือ Doxware ซึ่งผู้โจมตีจะขู่เหยื่อว่าจะเปิดเผยข้อมูลสำคัญจากฮาร์ดไดรฟ์ของเหยื่อ เว้นแต่ว่าเหยื่อจะจ่ายค่าไถ่ให้ก่อน อย่างไรก็ตามวิธีนี้เป็นวิธีที่ยุ่งยากสำหรับผู้โจมตี เพราะต้องค้นหาข้อมูลมาเป็นข้อเสนอ ดังนั้นการเข้ารหัสจึงเป็นรูปแบบที่พบมากที่สุด

  • เป้าหมายของแฮกเกอร์

ผู้โจมตีมีหลายวิธีในการเลือกเป้าหมายที่จะโจมตี และบางครั้งมันก็เป็นเรื่องของโอกาสด้วย ตัวอย่างเช่นผู้โจมตีกำหนดเป้าหมายเป็นโรงงานผลิตสินค้า เพราะมีทีมรักษาความปลอดภัยน้อย และมีเหยื่อมากมายที่ใช้การแชร์ไฟล์ ทำให้ง่ายต่อการเจาะเข้าระบบของพวกเขาในทางกลับกันบางองค์กรก็ดึงดูดผู้โจมตีเอง เพราะดูเหมือนจะจ่ายค่าไถ่ได้เร็ว ตัวอย่างเช่นหน่วยงานราชการหรือองค์กรทางการแพทย์ที่มักจะต้องใช้ไฟล์ข้อมูลอยู่ตลอดเวลา รวมถึงบริษัทกฎหมาย และองค์กรอื่น ๆ ที่มีข้อมูลสำคัญ ๆ ซึ่งเป้าหมายเหล่านี้อาจจำใจต้องจ่ายเพื่อให้ข่าวลือมันเงียบไป และเป้าหมายเหล่านี้มักกลัวผลกระทบที่ตามมาถ้าหากมีข่าวหลุดออกไปหรือคำขู่จากผู้โจมตีที่อ้างว่าจะเปิดเผยข้อมูลออกไปหากไม่จ่ายเงินด้วย

  • เข้าใจวิธีการทำงานของแรนซัมแวร์

  1. การเข้าถึงข้อความต่างๆ

    การเข้ามาของอาชญากรรมทางไซเบอร์นั้น หนึ่งในวิธีการที่ยังใช้กันอย่างแพร่หลายคือการส่งข้อความไปหาเหยื่อ โดยมีความต้องการที่จะให้เหยื่อทำบางสิ่งบางอย่าง เช่น การให้ข้อมูล การขอติดตั้งโปรแกรมลงบนเครื่อง โดยได้นำมาซึ่งข้อมูลหรือสิทธิ์บนเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนั้น

  2. การเปิดไฟล์ที่ไม่พึงประสงค์

    หลายครั้งเองเราจำเป็นต้องมีการติดตั้งโปรแกรมลงบนคอมพิวเตอร์จากอินเตอร์เน็ต ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้เองถ้าหากเราไม่แน่ใจว่ามาจากเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือก็หลีกเลี่ยงที่จะทำการดาวน์โหลดลงเครื่อง รวมไปถึงหลีกเลี่ยงการเปิดไฟล์แนบที่ได้มาจากอีเมล ถ้าหากไม่แน่ใจว่า

  3. เส้นทางสู่การรีเซ็ตรหัสผ่าน

    ส่วนหนึ่งของกระบวนการต้มตุ๋นของอาชญากรรมทางไซเบอร์เป็นการส่งลิงค์เพื่อเชื่อมหน้าเว็บไซต์ โดยจุดประสงค์ของการทำแบบนี้เพื่อเป็นการหลอกล่อ โดยการสร้างเว็บปลอมขึ้นมา เช่น เว็บโซเชี่ยลมีเดีย โดยสร้างสถานการณ์ว่าจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนรหัสผ่าน เมื่อเหยื่อหลงกลแล้วจะมีการนำรหัสผ่านนั้นแอบเข้าบัญชี รวมถึงนำข้อมูลทางการเงิน (ถ้ามี) ไปใช้งานได้

    hospital data
    การจัดเก็บข้อมูลของคนไข้ ยังมีโรงพยาบาลบางแห่งจัดเก็บด้วยเอกสารเสี่ยงต่อการสูญหาย

รับเทคนิคความรู้ดีๆ เรื่อง "ความปลอดภัยไอทีในองค์กร"

วิธีการป้องกันการโจมตีของ Ransomware คือ อะไร

  • วิธีป้องกันระบบสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป

ถึงแม้ว่าไม่มีขั้นตอนที่แน่ชัดในการป้องกันการคุกคามได้ทั้งหมด แต่วิธีการดังหล่าวจะลดความเสี่ยงของการเข้ามาคุกคาม ซึ่งเป็นคำแนะนำจากรัฐบาลออสเตรเลีย ซึ่งแนะนำไว้เบื้องต้นดังนี้

  1. อัปเดตโปรแกรมให้ล่าสุด

    อาชญากรทางไซเบอร์นั้นรู้ดีว่าถ้าหากรู้ช่องโหว่ของระบบแล้วจะสามารถเข้าถึงระบบต่างๆได้ ตราบใดที่เจ้าของผลิตภัณฑ์โปรแกรมยังไม่ค้นพบ (ซึ่งการค้นพบช่องโหว่ต่างๆนั้นมีการนำมาซื้อขายอยู่ในตลาดมืด) โดยที่เมื่อไหร่มีการใช้ช่องโหว่นั้นเข้ามาทำกิจกรรมแฮก หรือ ละเมิดระบบแล้ว แน่นอนว่าเจ้าของโปรแกรมเองนั้นทราบได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงสามารถนำมาปิดช่องโหว่นั้นได้อย่างง่ายดาย สิ่งที่ผู้ใช้งานระบบจำเป็นต้องทำคือการอัปเดตโปรแกรม ระบบปฏิบัติการ แอพพลิเคชั่นต่างๆทันทีที่มีการปล่อยอัปเดตออกมา เนื่องจากมันเป็นความปลอดภัยแรกที่สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว

  2. พื้นที่สำหรับการสำรองข้อมูล

    การจัดเก็บข้อมูลทางดิจิตอลนั้นจำเป็นต้องมีการจัดเก็บหลายที่เพื่อความปลอดภัย โดยการจัดเก็บนั้นนอกจากตำแหน่งหลักอาจจะเป็นพื้นที่บนเครื่องเซิพเวอร์ หรือ ฮาร์ดดิสก์บนคอมพิวเตอร์แล้ว อีกแหล่งที่ควรจะสำรองข้อมูลไว้คือ External Harddisk หรือ Cloud storage ก็สามารถทำได้ โดยต้องแน่ใจว่าถ้าหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นมา สถานที่สำรองในการจัดเก็บข้อมูลนั้นจะไม่ได้รับผลกระทบไปด้วย

  3. มีผู้ดูแลระบบ

    เบื้องหลังของการมีระบบที่มีความเสถียรภาพสูงนั้นจำเป็นต้องมีพนักงานที่มีความเข้าใจระบบมาดูแล ควบคุมอุปกรณ์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทางไอที เช่น ระบบหลังบ้านที่ดูว่าใคร login เข้ามาใช้งานบน Network ของบริษัทบ้าง เห็นกิจกรรมที่ไม่น่าไว้ใจของผู้ที่เข้ามา รวมถึงทราบว่ามีกิจกรรมใดที่อาจจะเป็นความเสี่ยงต่อการโจมตีของไวรัสคอมพิวเตอร์ได้ รวมถึงระบบปฏิบัติการไม่ว่าจะเป็น Windows , MacOS สามารถทำระบบการเข้าใช้งานสองระบบได้ โดยการเข้าใช้งานของผู้ควบคุมระบบ และ การเข้าใช้งานของผู้ใช้ระบบ โดยเมื่อแยกสิทธิ์ออกจากกันแล้วถ้าหากมีกิจกรรมใดใดที่ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นจะมีการติดตั้งโปรแกรม หรือ ทำกิจกรรมใดๆที่จำเป็นต้องใช้สิทธิ์ของผู้ควบคุมเครื่อง (Run as adminstrator) จะไม่สามารถทำงานได้ โดยวิธีดังกล่าวจะช่วยลดผลกระทบจากการถูกแฮกเครื่องด้วยการติดตั้งโปรแกรมนอกเหนือจากการใช้งานหลักได้

  4. ติดตั้งซอฟแวร์ป้องกันไวรัส

    สำหรับพฤติกรรมการทำงานอย่างปลอดภัยแล้ว การใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสเข้ามาร่วมด้วยนั้นจำเป็นสำหรับการใช้งาน โดยคุณสมบัติของโปรแกรมเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นผู้รักษาความปลอดภัยระดับคอมพิวเตอร์โดยตรวจดูได้ในระดับไฟล์ที่ผ่านเข้ามา เว็บที่เข้าไปค้นหา รวมถึงการบลอคการรันโปรแกรมที่อาจจะมีอันตราย ซึ่งฟีเจอร์ดังกล่าวนั้นมีมาใน Windows 10 , Windows 11 ในโปรแกรม Windows security 

  5. เปิดการใช้การยืนยันตัวแบบหลายขั้นตอน (MFA)

    การเปิดสิทธิ์การเข้ารหัสผ่านแบบหลายขั้นตอนนั้นเป็นวิธีการใหม่ที่เริ่มนำมาใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น โดยวิธีการนั้นเป็นการเข้ารหัสหลากหลายรูปแบบมากกว่าการกรอกรหัสเข้าไป ทำให้แฮกเกอร์นั้นเข้าถึงบัญชีได้ยากขึ้น ใช้ความสามารถในการเข้าถึงที่ต้องใช้เวลาและเงื่อนไขที่ซับซ้อน Multi factor authentication ช่วยป้องกันถูกแฮกได้หรือเปล่า
    – สิ่งที่ผู้ใช้รู้ (รหัสผ่าน)
    – สิ่งที่ผู้ใช้มี (สมาร์ทการ์ด/บัตรผ่าน)
    – สิ่งที่ผู้ใช้เป็น (ลายนิ้วมือ / ม่านตา / ใบหน้า)

  • วิธีป้องกันระบบสำหรับธุรกิจ SMEs

  1. ป้องกัน Server ของบริษัท

    โดยทั่วไปสำหรับบริษัทขนาดเล็กที่ไม่มีโครงสร้างระบบไอทีอย่างเป็นทางการนั้นจะเก็บข้อมูลด้วยระบบ NAS ซึ่งเป็นระบบคอมพิวเตอร์เซิฟเวอร์ขนาดเล็กที่มีไว้เพื่อเก็บข้อมูลโดยเฉพาะภายในบริษัท โดยอาชญากรทางไซเบอร์นั้นรู้ว่าบริษัทเหล่านี้จะมีการเก็บข้อมูลสำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของลูกค้า ข้อมูลการขาย ข้อมูลทางบัญชี และข้อมูลที่มีสิทธิบัตรต่างๆของบริษัทเอาไว้ ถึงแม้ว่าอุปกรณ์ NAS เองนั้นมีทั้งฟีเจอร์ในการสำรองข้อมูลลงในฮาร์ดดิสก์อีกลูกเพื่อทำสำรองข้อมูลกันและกันก็ตาม เพื่อให้แน่ใจว่าโปรแกรมของ NAS ไม่มีจุดช่องโหว่ใดๆ ควรที่จะอัปเดตโปรแกรมนั้นให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดอยู่เสมอ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการป้องกันอาชญากรรมทางไซเบอร์สูงสุด โดยถ้าหากมีปัญหาการใช้งานใดก็ตามสามารถหาที่ปรึกษาด้านระบบไอทีได้จากที่นี่

  2. ลดการเข้าสู่ระบบจากภายนอกเครือข่าย

    การเข้าใช้งานระบบจากภายนอกบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการรีโมทคอมพิวเตอร์เข้ามาภายในคอมพิวเตอร์ของบริษัท การแชร์ไฟล์ภายในบริษัทให้คอมพิวเตอร์ที่อยู่ภายนอก Network เข้ามาดาวน์โหลดได้ รวมถึงการให้มีการจัดการระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ผ่านการรีโมทระบบเข้ามา ล้วนเป็นช่องโหว่ที่ทำให้มีการปลอมตัวเข้ามา หรือการอนุญาตให้คนแปลกหน้าภายนอกเข้ามาเห็นและสามารถล้วงข้อมูลได้ง่าย เพื่อรักษาความปลอดภัยนี้ไว้ ให้หลีกเลี่ยงการเข้ามาดูข้อมูลในระบบผ่านการ Remote หรือ VPN เข้ามา แต่เข้ามาต่อสัญญาณที่บริษัทและให้อุปกรณ์ Firewall นั้นสามารถเห็นกิจกรรมที่คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นทำกับเครือข่ายในบริษัทได้เลย

  3. สำรองข้อมูลขึ้น Cloud

    นอกจากนี้การแบ่งข้อมูลขึ้นไปใช้บนคลาวแทนการนำข้อมูลที่สำคัญทั้งหมดเก็บไว้ในเซิพเวอร์ของตัวเอง จะช่วยให้กระจายความเสี่ยงในกรณีที่มีการเข้ามาขโมยข้อมูล หรือ เรียกค่าไถ่ของข้อมูล โดยสามารถพิจารณาในการนำข้อมูลเฉพาะบางส่วนที่สำคัญ หรือ นำข้อมูลเฉพาะบางบริการขึ้นไปจัดการบนคลาวก็ได้ เช่น อีเมลของบริษัท ถ้าหากมีความสำคัญและไม่อยากแบกรับความเสี่ยงที่มากเกินไปในกรณีที่มีการแฮกข้อมูลในเครื่อง ก็อาจจะใช้บริการคลาวในการเก็บข้อมูลและเปิดใช้งานโปรแกรมบนระบบ Cloud computing ได้ เป็นต้น

ประสบการณ์ราคาเท่าไหร่

ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการป้องกันได้อย่างตายตัว ซึ่งถ้าหากดูทางสถิติจากการสำรวจของธุรกิจระบบกลางใน 30 ประเทศ 5400 บริษัทในปี 2021 พบว่าค่าเฉลี่ยของการจ่ายเงินเพื่อแลกกับรหัสที่ถูกขโมยไปนั้นอยู่ที่ราว 170,404 เหรียญสหรัฐ การเตรียมความพร้อมทั้งด้านการทำระบบ การเลือกใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูล อุปกรณ์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ รวมถึงผู้ดูแลระบบที่มีประสบการณ์ เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้ระบบนั้นมีความถูกต้อง และปลอดภัย ซึ่งมีอยู่ในบริการวางระบบความปลอดภัยทางไอที Firewall as a Service

สมัครรับข่าวสาร "ความปลอดภัยไอทีในองค์กร"

firewall configuration

บริการความปลอดภัยทางระบบไอที Firewall as a Service

  • การให้คำปรึกษาในการปรับปรุงระบบความปลอดภัยข้อมูล
  • แนวทางการจัดการข้อมูลที่มีการเข้าออกจากเครือข่าย
  • การจัดการคอขวดของระบบความปลอดภัยให้มีการคัดกรองโดยไม่สะดุดการใช้งาน
  • มีผู้เชี่ยวชาญคอยจัดการดูแลซอฟแวร์และจัดการ License โดยรวมอยู่ในบริการแล้ว

ผู้เชี่ยวชาญ IT สำหรับ SMEs ในงาน Techsauce global summit 2022

ผู้เชี่ยวชาญ

ผู้เชี่ยวชาญ ด้านไอที เป็นสาขาหนึ่งที่ขาดแคลน โดยเฉพาะด้าน Network security โดยการทำงานด้านความปลอดภัยนั้นนอกจากจะเข้าใจด้าน โครงสร้างของระบบ Network อย่างเข้าใจ ซึ่งมีเป็นการพบกันในงานที่รวมเหล่าสตาร์ทอัพและบริษัทเทคโนโลยี มาแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการกันในงาน Techsauce Global Summit 2022 ในช่วง 26-27 สิงหาคมที่ผ่านมา

เปิดตัว ผู้เชี่ยวชาญ ด้านระบบไอที

โดยทางทีม Prospace เองได้มีส่วนร่วมในงาน Techsauce Global Summit 2022  โดยเป็นงานเปิดพื้นที่พบปะพูดคุยสำหรับผู้ที่สนใจในเทคโนโลยีในทุกระดับ พร้อมยกระดับกิจกรรมรูปแบบใหม่ที่จะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับอุตสาหกรรมวงการเทคโนโลยีในประเทศไทย ซึ่งงานในปีนี้จะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นงานที่รวมเอาเหล่า Startup ที่เป็นส่วนหนึ่งในฟันเฟือนพัฒนาประเทศให้เติบโต

ผู้เชี่ยวชาญ
การแก้ปัญหาโดยจะลดความสูญเสียจากการโจมตีทางไซเบอร์
  • ผู้เชี่ยวชาญ อย่างเข้าใจ

    การทำงานด้วยความเข้าใจ เป็นการแก้ปัญหาแบบไม่ลองผิดลองถูก แต่ใช้ประสบการณ์การทำงานตามวิธีการทางเทคนิค เข้าใจอุปกรณ์ ฟีเจอร์ ทำให้พบปัญหาได้เร็ว แก้ปัญหาที่เรื้อรังได้เร็วกว่าการจ่ายเพื่อซ่อมอีกในเวลาไม่นาน

  • ทำงานแบบ Freelance แก้ปัญหาแบบ Professional

    ข้อจำกัดของการเลือกพนักงานที่เก่ง แก้ปัญหาได้เร็วและถูกต้อง ต้องแลกกับค่าตอบแทนของพนักงานที่มากกว่าทั่วไป หลายครั้งการว่าจ้างพนักงานที่เชี่ยวชาญมาประจำแต่ไม่มีงานเฉพาะด้านให้ทำตลอด ทำให้บริษัทนั้นสุญเสียค่าจ้างมากเกินไปโดยใช่เหตุ จึงเป็นที่มาของการใช้หมอเฉพาะทางในบางเวลาที่ต้องการ จัดการให้เสร็จพร้อมที่ปรึกษา โดยจ่ายค่าบริการเป็นฟรีแลนซ์ แต่จบปัญหาระยะยาวเสมือนมีพนักงานมาแก้ปัญหาให้ประจำ ซึ่งเป็นที่มาของทีม Prospace

บริการที่ซัพพอร์ต SMEs

it support คือ

ออกแบบความปลอดภัยทางไอที

  • ออกแบบระบบไอที
  • วางระบบ Firewall
  • มีทีมดูแลระบบความปลอดภัย
  • มีที่ปรึกษาความปลอดภัยไอทีคอยแนะนำ

WiFi สำหรับงานอีเว้นท์

  • จัดสัญญาณ WiFi งานอีเว้นท์
  • กระจายสัญญาณรอบพื้นที่
  • ติดตั้งพร้อมความปลอดภัยสูง
  • รู้ตำแหน่งผู้ใช้งานใน heat map
wifi organizer
เพกาซัส

แบคอัพไลน์กลุ่มจาก 7 วันเป็น 1 ปี

  • แบคอัพแชทไลน์กลุ่มสำหรับออฟฟิศ
  • เปิดใช้งานครั้งแรกก็แบคอัพได้เลย
  • แยกไฟล์เป็นหมวดหมู่กลับไปดูได้ง่าย
  • ทดลองใช้งานได้ฟรีไม่มีข้อผูกมัด

ตรวจใบเสนอราคาไอที กันซุกของ ยัดของ

  • ตรวจการติดตั้งระบบไอที
  • เป็นที่ปรึกษาดูใบเสนอราคา
  • แนะนำลดค่าใช้จ่ายการติดตั้ง
  • ที่ปรึกษาการติดตั้งระบบ Network
it support คือ

บริการที่ปรึกษาไอที แก้ปัญหาแบบโปรฯ

  • บริการตอบคำถามเชิงลึกด้านไอที
  • บริการทั้งภาษาไทยและอังกฤษ
  • แนะนำการแก้ปัญหาตามหลักวิชาการ

ปรึกษาการทำระบบความปลอดภัยไอที

ทีมงานจะติดต่อกลับไป