จากการสำรวจของ CrowdStrike บริษัท cybersecurity ของสหรัฐฯ ระบุว่า ผู้นำธุรกิจเกือบ 8 ใน 10 คนในประเทศไทย มองว่า cybersecurity เป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ในการฟื้นตัวจากการระบาดครั้งใหญ่ นอกจากนี้ องค์กรต่าง ๆ ในประเทศไทยคาดว่าจะมีงบประมาณด้านเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับ digital transformation อีกด้วย
▶︎ ควรลงทุนกับ remote working ให้มากขึ้น
ในบรรดาผู้นำธุรกิจในประเทศไทยเชื่อว่าควรมีการลงทุนในการทำงานแบบ remote working มากขึ้น 79% นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า การเพิ่มประสิทธิภาพของมาตรการ cybersecurity เป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แม้เศรษฐกิจจะแย่ แต่ 79% ของผู้นำ local business คาดหวังว่างบประมาณด้านเทคโนโลยีจะเพิ่มขึ้น
จากการสำรวจผู้นำ local business กว่า 39% กล่าวว่าการระบาดของโรคเร่งให้พวกเขาเปลี่ยนไปใช้ระบบ cloud solutions ในขณะที่ 90% กล่าวว่า Covid-19 ทำให้พวกเขาต้องเปลี่ยนวิธีในการสื่อสารกับลูกค้า ส่งมอบผลิตภัณฑ์ และบริการลูกค้า
▶︎ เปลี่ยนจาก security solutions แบบเดิม ไปสู่ cloud-native solutions
ผลลัพธ์เหล่านี้บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงที่แข็งแกร่งและการลงทุนอย่างรวดเร็ว โดยเปลี่ยนจาก security solutions แบบเดิม ไปสู่ cloud-native solutions เนื่องจากองค์กรต่าง ๆ ต้องปกป้องพนักงานที่ทำงานอยู่บ้านในสถานที่ต่าง ๆ และ business models ที่ขับเคลื่อนด้วยดิจิทัล
นอกจากนี้ ผู้นำ local business กว่า 68% เชื่อว่าองค์กรของตนควรเพิ่มการลงทุนในซอฟต์แวร์ cybersecurity ในอีก 6 เดือนข้างหน้า ด้าน CrowdStrike พบว่ากิจกรรม electronic crime เพิ่มขึ้นมากกว่า 330% ตั้งแต่ต้นปี 2020 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2019
▶︎ ความเร็วของการเปลี่ยนไปสู่การทำงานแบบ remote workforce ทำให้เกิดช่องโหว่
การแพร่ระบาดอาจส่งผลกระทบมากต่อวิธีการดำเนินงานขององค์กร แต่ความเร็วของการเปลี่ยนแปลงไปสู่การทำงานแบบ remote workforce ทำให้เกิดช่องโหว่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง cybersecurity ขององค์กรต่าง ๆ
รายงานพบว่า 63% ของผู้นำธุรกิจในประเทศไทย มองว่าในช่วงอีก 6 เดือนข้างหน้า cyber-attacks เป็นภัยคุกคาม 3 อันดับแรกต่อธุรกิจของพวกเขา ซึ่งมากกว่าความตึงเครียดทางการค้าและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปัจจุบันเสียอีก ความกังวลสองอันดับแรกคือภาวะเศรษฐกิจ (79%) และการติดเชื้อระลอกใหม่ (65%) และ cybersecurity ที่ยังคงมีความสำคัญต่อธุรกิจอีกเช่นกัน
▶︎ Cybersecurity อันดับต้น ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอีก 18 เดือนข้างหน้า
ความท้าทายด้าน cybersecurity อันดับต้น ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอีก 18 เดือนข้างหน้า ได้แก่
- กฎระเบียบใหม่ (68%)
- ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติตามกฎระเบียบ (62%)
- โครงสร้างพื้นฐานเดิม (58%)
- Remote workforce (57%)
- งบประมาณที่จำกัด (56%)
องค์กรส่วนใหญ่ในประเทศไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมด้านไอทีแล้ว เพื่อรองรับ remote workers แต่ 30% ยังไม่ได้เปลี่ยนโปรแกรมการรักษาความปลอดภัย เนื่องจาก Covid-19 อาจทำให้องค์กรของพวกเขาได้รับ cyber-risks จากการโจมตีในรูปแบบใหม่ที่ซับซ้อนมากขึ้น
▶︎ พนักงานจะทำงานร่วมกันได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม
นอกจากนี้ ผลจากทำให้ 81% ของผู้นำ local business กังวลเกี่ยวกับ cyber-attack ที่อาจเกิดขึ้นกับองค์กรของตนในอีก 6 เดือนข้างหน้า ผู้นำ local business กว่า 87% ยอมรับว่า การบังคับให้ต้องปรับตัวและดำเนินการจัดเตรียม remote working เนื่องจากปัญหาด้านสาธารณสุข เป็นทางเลือกที่ใช้ได้จริงในอนาคต พวกเขาเชื่อว่าเป็นไปได้ที่พนักงานจะทำงานร่วมกันได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม
อย่างไรก็ตาม พนักงานในประเทศไทยมีมือถือส่วนตัวที่เชื่อมต่อกับโครงสร้างพื้นฐานไอทีขององค์กร เมื่อต้อง working from home ซึ่งหมายความว่าอุปกรณ์ส่วนตัวเหล่านี้อาจถูกบุกรุก และอาจเป็นอันตรายต่อ corporate network ของนายจ้างได้
▶︎ วางแผนฝึก security training เพิ่มเติมแก่พนักงาน
การศึกษาและการสื่อสารของพนักงานเป็นกุญแจสำคัญใน cybersecurity strategy ที่ประสบความสำเร็จ แต่ 25% ยังไม่ได้รับการสื่อสารเกี่ยวกับมัลแวร์ที่มีธีม Covid-19 และ 14% ยังไม่ได้รับการฝึก security training อย่างไรก็ตาม ในอนาคตผู้นำ local business กว่า 86% กล่าวว่า พวกเขาวางแผนที่จะฝึก security training เพิ่มเติมให้แก่พนักงาน
ทั้งนี้ องค์กรต่าง ๆในประเทศไทยหลาย ๆ แห่งได้มองไกลไปถึงภาวะ new normal แล้ว และผู้นำ local business 67% เชื่อว่าองค์กรของตนควรลงทุนมากขึ้น ในการสร้าง remote work environment
อ่านบทความเพิ่มเติม : แรนซัมแวร์ปัญหาใหญ่ที่สุดในโลกไซเบอร์ตอนนี้ ถึงเวลาแล้วที่ต้องมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล
ที่มา : bangkokpost.com