Ransomware เจ้าปัญหา 7 วิธีป้องกัน การเรียกค่าไถ่ข้อมูล ในบริษัท

7 tip ransomware protection

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาวิธีการที่อาชญากรไซเบอร์ใช้ในการโจมตี Ransomware คืออะไร เกิดการเปลี่ยนไปมาก โดยวิธีการที่ใช้มากที่สุดคือการกระจายไฟล์ที่มีการเข้ารหัสซับซ้อน และในตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าการโจมตีจะทวีความรุนแรงมากกว่าเดิม การโจมตีในรูปแบบใหม่นี้ อาชญากรไซเบอร์จะทำการเช็กข้อมูลของเหยื่ออย่างละเอียด จากนั้นก็ค้นข้อมูลจำพวก business data ของเหยื่อเพิ่มเติม ซึ่งหากคุณไม่อยากให้บริษัทของคุณเป็นหนึ่งในเหยื่อรายต่อไป ทาง ProSpace ก็ได้มีเคล็ดลับในการป้องกันบริษัทของคุณจากการโจมตีของไวรัสชนิดนี้มาอัปเดตให้ได้รู้กัน

Ransomware

แรนซัมแวร์เป็นโค้ดคอมพิวเตอร์ชนิดหนึ่ง ไวรัสคอมพิวเตอร์ หรือ มัลแวร์ ที่ออกแบบมาเพื่อขโมยข้อมูลของเหยื่อไปแล้วทำการเอาข้อมูลนั้นไปเก็บไปเข้ารหัสข้อมูล แล้วเรียกค่าไถ่โดยการแจ้งให้โอนเหรียญคริปโตไปในวอลแลตที่กำหนด เนื่องจากการโอนไปยังกระเป๋าเงินคริปโตที่ไม่มีตัวกลางอย่างเช่น Bitkub หรือ Binance เป็นตัวกลางในการยืนยันว่าใครเป็นเจ้าของกระเป๋าตังที่โอนไป

ransomware targeting

เป้าหมายของการโจมตี

จุดประสงค์การเข้ามาของโจรส่วนใหญ่ คือผลตอบแทนอันสวยงามจากการยอมมอบรหัสปลดล็อคไฟล์ในยุคก่อนหน้านี้ลักษณะการเรียกค่าไถ่นั้นอาจจะเกิดจากการแลกเปลี่ยนกันในดาร์คเว็บ การโอนเงินเข้าไปในประเทศที่สาม หรือใช้บัญชีปลอม ชื่อปลอม ที่ทำให้การค้นหาตัวตนนั้นซับซ้อน จนกระทั่งการเข้ามาของเหรียญคริปโต ที่ทำให้การทำ Ransomware นั้นเริ่มโตขึ้น ง่ายขึ้น เพราะไม่สามารถติดตามหาคนร้ายได้ โดยเป้าหมายหลักในการพุ่งเป้าโจมตีได้แก่

  1. เงิน

    ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหลายครั้งการดึงดูดแฮกเกอร์หน้าใหม่เข้าวงการจะเป็นค่าจ้างอันหอมหวานจากการก่ออาชญากรรม โดยจุดแข็งของอาชญากรรมในยุคนี้คือการตรวจสอบเส้นทางการเงินที่ยากลำบาก โดยเมื่อเหยื่อรายใหญ่ตกเป็นผู้เสียหายแล้ว สิ่งที่เหยื่อของการกระทำเหล่านั้นต้องเผชิญคือ ชื่อเสียงที่สั่งสมมาเป็นเวลานาน การเรียกเงินค่าไถ่ก็จะดูสมเหตุสมผลขึ้นอย่างมาก

  2. ชื่อเสียง

    กว่าที่หนึ่งองค์กรหรือหน่วยงานจะได้รับความไว้วางใจจากผู้คนมากมายในการดูแลจัดการกับข้อมูลให้นั้น ต้องสะสมเป็นเวลานาน ซึ่งจากที่เราเห็นตัวอย่างในรัฐบาลหลายประเทศที่ปล่อยปะละเลยกับข้อมูลมหาศาลของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการเก็บรักษาข้อมูลที่ปลอดภัยต่ำ ตั้งรหัสผ่านเข้าไปได้ง่าย ทำให้ฐานข้อมูลของประชาชนหลายล้านคนถูกขโมยออกจากระบบเพื่อถูกนำมาแลกเปลี่ยนกับการทำลายชื่อเสียง

    famous ransomware

  3. แก้แค้น

    ถ้าหากผู้ให้บริการรายใดที่มีการดูแลข้อมูลของลูกค้าแล้วมีปัญหาภายในองค์กร การแก้แค้นของคนในเองก็เคยเป็นประเด็นที่นำมาหยิบยก ซึ่งในหลายเคสเองเป็นบริษัทที่มีการรักษาความปลอดภัยถูกต้องทุกประการ มีการป้องกันบุคคลภายนอกและเครือข่ายภายนอกอย่างเต็มที่ แต่สิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้คือการกระทำผิดพลาดจากคนในเองที่มีการนำไวรัสดังกล่าวเข้ามา แล้วปกปิดการกระจายตัวได้

     

  4. ประท้วง

    เราจะเห็นการบอยคอต ประท้วงทางไซเบอร์ที่มากยิ่งขึ้น โดยในยุคแรกการประท้วงทางไซเบอร์ ถ้าผู้คนไม่พอใจเว็บไซต์ของบางหน่วยงานก็อาจจะเข้าไปอยู่หน้าเว็บแล้วกด reload จนทำให้เว็บล่มไป แต่ในระยะหลังปัญหาคอขวดทางวิศวกรรมก็มีไม่มากเหมือนช่วงนั้น วิธีการประท้วงไม่พอใจของผู้คนก็จะส่งผ่านมายังกลุ่มแฮกเกอร์ ไม่ว่าจะเป็นการระบายความไม่พอใจในรัฐบาล หรือ หน่วยงานบางหน่วย ทำให้มีการลักลอบส่งแรนซัมแวร์ หรือ ในองค์กรจะมีซ่อนอยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่แล้วแต่พอถึงจังหวะที่ต้องการเรียกใช้ก็ปลุกชีพให้มันตื่นขึ้นมายึดข้อมูลไปดื้อๆก็มีให้เห็นกันมากมาย

    ransomware prevention

รับเทคนิคความรู้ดีๆ เรื่อง "ความปลอดภัยไอทีในองค์กร"

วิธีการเบื้องต้นป้องกัน Ransomware

ปัจจุบันยังไม่มีการป้องกันการโจมตีได้อย่างแน่นอน เลยมีเช็คลิสต์ที่เอามาให้ดูว่าจะสามารถป้องกันด้วยตัวเอง

  1. ติดตั้งเฉพาะแอปพลิเคชันจากแหล่งที่เชื่อถือได้

    เช่น จากเว็บไซต์ official เท่านั้น
    Backup ไฟล์อยู่เสมอ เพื่อที่ว่าคุณจะได้มี

  2. ข้อมูลสำรองในกรณีที่ไฟล์ข้อมูลสูญหาย

    เช่น จากการโจมตีของมัลแวร์ หรืออุปกรณ์พัง) อย่าลืมจัดเก็บไฟล์ไว้ในที่ที่ปลอดภัย รวมถึงเก็บไว้ในระบบคลาวด์ด้วย เพื่อเสริมการป้องกันที่มากขึ้น

  3. สร้างความรู้เรื่องดิจิทัลภายในบริษัท

    อบรมพนักงานตัวอย่างเช่น การ training เรื่อง cybersecurity ให้กับพนักงาน
    antivirus installation for decrese risk of threat

  4. ติดตั้งโปรแกรม Antivirus บนเครื่อง

    และจัดการให้อัปเดตจนเป็นปัจจุบัน เพราะการอัปเดตระบบปฏิบัติการ และซอฟต์แวร์อยู่เสมอจะช่วยลดความเสี่ยงจากช่องโหว่ต่าง ๆ ได้

  5. หมั่นตรวจสอบ Cyber Security ของ Network ภายในบริษัทอยู่เสมอ

    และถ้าเจอจุดที่ต้องแก้ไขหรือคิดว่ามีช่องโหว่ก็ให้รีบแก้ไขโดยเร็ว

  6. เปิดใช้งานระบบป้องกัน Ransomware ที่ Firewall ที่ใช้ภายในบริษัท

    เพื่อเป็นตัวกรองข้อมูลที่เน้นไปที่การตรวจจับไฟล์ที่เสี่ยงเป็นไวรัสหรือพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ โดยจะแบ่งตามลักษณะที่ไวรัสชนิดนั้นจะแทรกตัวเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นการกรองข้อมูลผ่านอีเมล แหล่งที่มา

  7. Risk management

    เบื้องต้นถ้าหากมีการโจมตีทางข้อมูลในองค์กรของคุณ แน่นอนว่าการเจรจากับอาชญากรเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่ถ้าหากมีการชั่งน้ำหนักของความเสี่ยงดูแล้ว อาจจะมีความเสี่ยงทั้งการได้คืนมาหรือไม่ เบื้องต้นอาจจะต้องยอมเสียข้อมูลนั้นทิ้งไป หรือยอมเสี่ยง ขึ้นอยู่กับการตกลงภายในองค์กร รวมถึงการแจ้งความเพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินคดี
    cyber security expert

ระบบและความเชี่ยวชาญ

หลายบริษัทที่เคยผ่านเหตุการณ์การเรียกค่าไถ่ไวรัสนั้นจะค่อนข้างเข้าใจถึงความจำเป็นในการวางระบบ Firewall ที่มีอยู่เดิมให้รัดกุมยิ่งขึ้น ทั้งส่งพนักงานไปเทรน ซื้อ อุปกรณ์ตัวใหม่ เพียงแต่ความซับซ้อนของระบบปฏิบัติการ หลายครั้งก็จะมีอาการเน็ตหลุดบ้าง เข้าบางเว็บไม่ได้บ้าง ทั้งที่ไม่ได้ตั้งค่า เหล่านี้เป็นสิ่งที่หลายบริษัทต้องเรียนรู้ร่วมกันไป 2 สิ่งที่หลายบริษัทเลือกตั้งแนวป้องกันด้วยสิ่งนี้

ตั้งรับ

สิ่งที่เริ่มปูทางระบบใหม่คือการรื้อ Network system ของบริษัทใหม่ทั้งหมด แบ่งระดับชั้นของข้อมูล การขอเข้าถึงต้องมีการใช้ Multi factor authentication ในการใช้ลายนิ้วมือ ม่านตา ใบหน้า หรือ OTP ต่างๆ ในการยื่นยันว่าเป็นตัวตนจริงก็เป็นสิ่งที่นิยมในการทำเช่นเดียวกัน

ซับแรงกระแทก

ต่อมานอกจากมีระบบที่รัดกุมยิ่งขึ้น คือการมี Backup ข้อมูลอีกตัว เพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อตัวแรกถูกโจมตี Server อีกตัวจะยังคงรักษาข้อมูลนั้นได้อยู่ สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนจากการวางระบบอย่างมีประสิทธิภาพ 

แก้ปัญหาระบบโครงสร้าง 

การจัดการกับโครงสร้างของเครือข่าย LAN เป็นกระบวนการที่ช่วยให้ทราบว่าการต่อพ่วงอุปกรณ์ภายในนั้นถูกต้องหรือไม่ เมื่อมีการติดตั้งอุปกรณ์ Firewall เข้ามาอยู่ระหว่างกลางแล้ว สิ่งที่ควรคำนึงต่อมาคือกระบวนการวาง Netowork policy ที่มากำกับว่าในบริษัทจะให้ทำอะไรได้บ้าง จะห้ามทำอะไรบ้าง เพื่อเป็นไปตามนโยบายบริษัท โดยการร่วมมือกันระหว่าง ผู้บริหารองค์กร ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบ และ ผู้ได้รับมอบหมายในการดูแลระบบ ซึ่งปัจจุบันมีการใช้ผู้เชี่ยวชาญภายนอกเข้ามาเซอร์วิสเป็นครั้งคราวจาก SI แต่อาจจะไม่ครอบคลุมการดูแลตอนเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิดขึ้นจึงเกิดเป็นบริการดูแลระบบความปลอดภัยอย่างครบวงจร โดยผู้มีใบ certificate ด้านความปลอดภัย โดยมีจุดน่าสนใจคือการทำงานร่วมกันแบบนี้ผ่านบริการ Firewall as a Service

สมัครรับข่าวสาร "ความปลอดภัยไอทีในองค์กร"

firewall คืออะไร

ออกแบบ Network ด้วยลูกค้าเป็นศูนย์กลาง

จะเริ่มจาก architech ที่ต้องมีการร่วมกันหาแนวทางที่ต้องการ เช่น ความปลอดภัยของข้อมูล ระบบการยืนยันตัวสองชั้น ความเร็วในการรับส่งข้อมูลภายในองค์กร สิ่งเหล่านี้จะทำให้ทุกคนเห็นภาพการวางระบบ Firewall ที่เหมาะสม

firewall คืออะไร

การทำงานร่วมกันทั้งองค์กร

ความเสี่ยงที่ถูกคุกคาม Ransomware นั้นเป็นสิ่งที่ต้องสร้างความตระหนักรู้ทั้งองค์กร ดังนั้นการเข้าไปทำงานร่วมกับองค์กรต่างๆนั้นจึงเป็นการสร้างความร่วมมือในทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และได้ใช้คอมพิวเตอร์ทำงาน

firewall คืออะไร

ตกรุ่นเปลี่ยนใหม่ ต่อ MA ให้ฟรี

หลายปัญหาของการใช้งาน Firewall คือการต้องคอยมาตรวจสอบดูว่าอุปกรณ์นั้นตกรุ่น หมดเวลาหักค่าเสื่อมในระยะเวลาเท่าไหร่ ไอทีต้องคอยจัดการขอใบเสนอราคาไปกับ SI ในการต่อ MA เปรียบเทียบราคา รอผู้บริหารอนุมัติ มั่นใจได้เลยว่าเราแก้ปัญหาเหล่านี้ให้หมดจด เพราะเราดรอปเครื่องให้ ดูแลให้ มีปัญหาเปลี่ยนเครื่องให้ฟรีตลอดสัญญา

firewall คืออะไร

ปรึกษาทีม Cyber Security ได้เสมอ

การรับบริการ FWaaS ของคุณนั้นจะรวมการซัพพอร์ตต่างๆจากทีม Cyber Security โดยที่เราจะมีทีมให้คำปรึกษา ทีมซัพพอร์ต และทีมเปลี่ยนอุปกรณ์ ให้มั่นใจได้ว่าทุกการทำงานของคุณจะปลอดภัยและมีเสถียรภาพสูง

รู้ไอทีพื้นฐาน พนักงานไอที

Firewall as a Service

บริการ Firewall พร้อมผู้เชี่ยวชาญดูแล ช่วยซัพพอร์ตธุรกิจ ติดตั้งนโยบายข้อมูล เก็บ Log ให้ตามกฏหมาย ผ่าน Audit มีปัญหาซัพพอร์ตให้ตลอดอายุ

  • ฟรี Firewall BOX ติดที่บริษัท
  • ฟรี ต่อ MA ตลอดสัญญา
  • ฟรี อุปกรณ์เสีย เปลี่ยนเครื่องใหม่
  • ขยายออฟฟิศ เพิ่มไซต์ อัปเกรดได้ตลอด

แบบฟอร์มติดต่อทีม Cyber Security

เพื่อให้ทีมงานจะติดต่อกลับไป

SSL Certificate คืออะไร

SSL Certificate

SSL Certificate บนเว็บไซต์เป็นการยืนยันว่าเว็บไซต์ของเราไม่มีใครแอบขโมยข้อมูลระหว่างการส่งหากัน ถ้าหากใครเคยอ่านประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่สอง ที่มีการสู้รบกันระหว่างสัมพันธมิตร และ อักษะ โดยที่ในระหว่างการสู้รบทั้งสองฝ่ายต่างต้องการสอดแนมความคิดระหว่างกัน จึงทำให้มีการระดมกันทั้งมันสมองของนักคณิตศาสตร์ และ นักวิจัยในแขนงต่างๆ เพื่อทำให้การส่งข้อความระหว่างผู้บัญชาการและแนวหน้าการรบสามารถสื่อสารกันได้ โดยที่ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถเข้าใจความหมายของกันและกันได้ โดยมีทั้งการใช้โค้ด ใช้เลขคณิตศาสตร์ รวมถึงคีย์เวิร์ดมาแปลความหมาย โดยสิ่งเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นของการเข้ารหัสความปลอดภัยของข้อมูล ไม่ให้หลุดรั่วระหว่างทาง 

ส่งจดหมายผ่านไปรษณีย์แล้วโดยเจาะดูข้อความ

แม้ว่าผ่านจากช่วงสงครามที่ต่อสู้กันระหว่างสองฝั่งไปแล้ว ถึงแม้มีการใส่โค้ดความปลอดภัยอย่างซับซ้อน

ถึงขั้นที่อีกฝั่งไม่สามารถแกะโค้ดกันได้ แต่เราไม่ได้นำความปลอดภัยขั้นสูงมาใช้ในการสื่อสารระหว่างกัน ทำให้การส่งข้อความหากันเรายังจะฝากข้อความ เอกสาร พัสดุผ่านตัวกลาง ที่อาจจะเป็นไปรษณีย์หรือองค์การโทรศัพท์ จากนั้นตัวกลางเหล่านี้จะส่งข้อมูลให้ปลายทางอีกที โดยที่ถ้าหากตัวกลางจะแกะดูข้อมูล หรือ พัสดุถูกขโมยระหว่างทางก็ไ่ม่สามารถติดตามย้อนกลับได้ และแน่นอนว่าหลังจากนั้นเราเริ่มพัฒนาระบบความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ทั้งการติดตามพัสดุระหว่างทาง การล็อคพัสดุระหว่างส่ง หรือจำกัดคนเข้าถึงข้อมูล แต่นั่นก็ยังทำให้เกิดการสูญหายลดลง 

ssl certificateการส่งพัสดุ หรือ จดหมายระหว่างกันนี่เองถ้าหากเกิดปัญหา พัสดุสูญ หรือ เสียหายระหว่างทาง เราสามารถที่จะติดตามหาผู้ที่รับผิดชอบปัญหาที่เกิดขึ้นได้ แต่ถ้าหากสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์ที่เราเองต่างไม่รู้เลยว่าใครเป็นใคร ข้อมูลหายเกิดจากที่ไหน และจะตามตัวใครมารับผิดชอบ ผนวกกับคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์สมองกลที่คำนวนเก่งคณิตศาสตร์ได้ทีละหลายล้านตัวเลข ทำให้เกิดการพัฒนาการส่งข้อความระหว่างกันโดยการใช้รหัสดิจิตอล ที่สุ่มขึ้นมาเป็นทั้งตัวเลขและตัวอักษร ส่งหาระหว่างคนที่มีชุดถอดรหัสเดียวกันได้ แล้วมันเป็นยังไง?

ส่งจดหมายผ่านไปรษณีย์แล้วมีแค่ตัวอักษรที่ไม่ได้ศัพท์

ย้อนกลับไปสมัยสงครามโลกครั้งที่สองที่มีการส่งรหัสลับที่เข้ารหัสสาม สี่ ชั้นเพื่อป้องกันให้ศัตรูไม่สามารถล่วงรู้ถึงยุทธวิธีที่ต้องทำ

ในยุคนั้นเป็นการออกแบบอุปกรณ์สุ่มตัวอักษรที่ชื่อว่า “เครือง Engima” โดยอุปกรณ์นี้จะมีหน้าที่สุ่มตัวอักษรผ่านกระบวนการใช้วงอักษร 3 วงในการเปลี่ยนรหัสอักษร 

ssl certificate
เครื่อง Enigma เข้ารหัสข้อความหลายชั้นเป็นต้นแบบการเข้ารหัสในปัจจุบัน อ้างอิง วิกิพีเดีย

โดยการสุ่มอักษรนี้จะมีการเปลี่ยนค่าตัวอักษร 6-8 ครั้ง โดยเริ่มจากการพิมพ์อักษร 1 ตัว จากนั้นการส่งไฟฟ้าไปผ่านวงรอบ 1 (เปลี่ยนอักษรหนึ่งครั้ง) 2 , 3 แล้วย้อนกลับแล้วเปลี่ยนรอบที่ 4 , 5 ,  6 และยังมีฟีเจอร์ที่เปลี่ยนอักษรให้แปลงเป็นตัวอักษรอื่นอีกสองครั้ง ทำให้ความปลอดภัยในการแกะอักษรนั้นถูกเข้ารหัสทั้งหมด 8 ครั้ง ทำให้การเจาะข้อมูลระหว่างการส่งสารไปให้อีกฝั่งนั้นไม่มีใครแปลความหมายนั้นออกมาได้โดยที่เป็นต้นแบบของการเข้ารหัสดิจิตอลในเวลาต่อมา

เว็บไซต์และโลกออนไลน์มี SSL Certificate อยู่เบื้องหลัง

การทำงานของเว็บไซต์ที่มี SSL Certificate นั้นเป็นการติดต่อสื่อสารระหว่าง เรา (ผู้ใช้งาน) และเว็บเซิพเวอร์ (ผู้ให้บริการ)

เช่น การพิมพ์รหัสบัตรเครดิตไปบนเว็บไซต์ คือการเชื่อมต่อระหว่างการพิมพ์เลขของเรา และการส่งข้อมูลย้อนกลับไปที่ฐานข้อมูลของเว็บธนาคาร เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าไม่มีการถูกดักเก็บข้อมูลบัตรเครดิตของเราระหว่างที่ส่งออกไป เบื้องหลังความปลอดภัยนั้นได้รับการดูแลด้วยสิ่งที่เรียกว่า “การเข้ารหัสและถอดรหัสดิจิตอล” โดยพื้นฐานการเข้ารหัสดิจิตอลเหล่านี้จะมีพื้นฐานเดียวกันกับรหัสดิจิตอลที่ถูกปรับใช้ในการส่งข้อความหากัน การส่งอีเมลระหว่างกันนั่นเอง 

Ransomware คือข้อมูลจะถูกขโมยเข้ารหัสอะไรก็ถูกขโมย

จริงอยู่ว่าการเข้ารหัสดิจิตอลนั้นซับซ้อนกว่าการเข้ารหัส Enginma ในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง แต่การถูกคุกคาม โจรกรรมข้อมูลนั้นมีแนวโน้มสูงขึ้นในทุกปี

และก็ยังมีเหยื่อที่ถูกโจรกรรมข้อมูลมากยิ่งขึ้นถึงแม้ตัวระบบมีความซับซ้อนเท่าไหร่ก็ตาม เพราะความผิดพลาดของมนุษย์ เพราะความเป็นมนุษย์นี่เองทำให้ความปลอดภัยที่เข้ารหัสทางคณิตศาสตร์มาหลายชั้น ถูกพังลง โดยการเข้ามาของเหล่าแฮกเกอร์นั้นไม่ได้ทำการถอดรหัสที่ล็อคฐานข้อมูลไว้ (ซึ่งอาจจะใช้เวลาอย่างน้อย 30 ปี) แต่วิธีที่กลุ่มนี้แฮกเข้าถึงระบบได้ คือกระบวนการเดียวกับการหลอกให้โอนเงินเข้าบัญชี ของแก๊งค์คอลเซนเตอร์ที่เห็นในปัจจุบัน แล้วเราจะแก้ปัญหาความผิดพลาดเหล่านี้ได้ยังไงกัน?

กอบกู้ความผิดพลาดของมนุษย์ด้วยความฉลาดของคอมพิวเตอร์

ปัจจุบันนี้เราพัฒนาความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ไม่ใช่เพื่อป้องกันคอมพิวเตอร์ถูกแฮกด้วยตัวเอง แต่ป้องกันการถูกแฮกจากความผิดพลาดของมนุษย์เอง

ทั้งการ Phishing email หรือ การถูกโจมตีด้วย Ransomware โดยมากนั้นมีการดูแลระบบความปลอดภัยด้วยการสร้างระบบหารูรั่ว หรือ สิ่งที่บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกใช้กันคือการแข่งกันเพื่อแฮกระบบความปลอดภัยของตัวเอง เพื่อหารูรั่วของข้อมูล โดยเบื้องหลังการวางระบบที่ชื่อว่า Firewall box

FWAASโดยที่การทำงานของ Firewall เป็นกระบวนการที่กรองข้อมูลเข้าบริษัท โดยกรองการรับข้อมูล เช่น อีเมลที่อันตราย บลอคการเข้าถึงเว็บไซต์ที่อันตราย รวมถึงการปิดกั้นคำบางคำ หรือ เว็บไซต์บางเว็บ คือสิ่งที่ Firewall นั้นเข้ามาเติมเต็ม โดยร่วมกับการจำกัดข้อมูลของมนุษย​์ เช่น ตำแหน่ง GPS ร่วมกับการให้รหัสผ่าน การรับ OTP ร่วมกับการแสกนนิ้ว โดยประสานความปลอดภัยด้วยบริการของ Firewall as a Service

FWaaS advantage

Firewall as a Service

สร้างความปลอดภัยที่มีการเข้ารหัส

  • ช่วยออกแบบโครงสร้าง Network องค์กรให้เสถียร ตามความต้องการของผู้ใช้งาน (Customer centric)
  • สร้าง Network โดยเรียงระดับการรักษาความปลอดภัย ระดับต่ำ ระดับปานปลาง ระดับสูง เพื่อการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ
  • มีทีม Cyber Security ประสบการณ์ 20 ปี+ เข้ามาดูแลระบบ โดยไม่ต้องจ้างพนักงานเฉพาะทางมาดูแล

ปรึกษาการทำระบบ Cyber Security

ทีมงานจะติดต่อกลับไป