เมื่อ 3 มกราคม 2009 มีการเกิดระบบการเงินรูปแบบใหม่ที่ใช้รูปแบบการใช้ข้อมูลแบบกล่อง แล้วบันทึกทุกความเคลื่อนไหวของเหรียญคริปโตให้ทุกๆคนที่เข้ามาใช้งาน โดยผู้คิดค้นที่มีนามแฝงว่า ซาโตชิ นากาโมโตะ
ซึ่งทำให้ทุกความปลอดภัยไม่กระจุกตัวอยู่ที่ระบบธนาคาร แต่กระจายความปลอดภัยไปอยู่กับทุกคนที่เรียกว่า ระบบ Blockchain ของเหรียญคริปโต (Cryptocurrency)
ทางลัดไปอ่าน
Toggleเงินรูปแบบเดิมเป็นยังไง
เดิมที่เงินในความหมายเดิมของเรานั้น คือมูลค่าที่เอามาใช้แลกเปลี่ยนในประเทศ โดยที่รัฐบาลนั้นจะรับรองว่าสิ่งนี้ หรือ กระดาษนี้มีมูลค่าจริงใช้แลกเปลี่ยนได้จริง โดยที่มีผู้ดูแลมูลค่าของมัน ผ่านธนาคารแห่งชาติในประเทศนั้น ซึ่งประเทศไทยคือธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ แบงค์ชาติที่เรารู้จักกัน
โดยที่มูลค่าของเงินในแต่ละประเทศนั้นจะมาจากการพิมพ์เงินที่มีทองคำค้ำประกัน เพื่อยืนยันว่าเงินมีมูลค่าจริง และ การอ้างอิงทองคำก่อนพิมพ์แบงค์ออกมานั่นจะช่วยรักษามูลค่าของเงินอีกทางหนึ่งเช่นเดียวกัน ถึงแม้ปัจจุบันมีบางประเทศ เช่น ประเทศสหรัฐอเมริการที่ไม่ได้พิมพ์เงินอ้างอิงกับมาตรฐานทองคำแล้วก็ตาม (แต่รัฐบาลกลางทำให้มันมีมูลค่าจริงด้วยการบังคับให้เป็นสกุลเงินโลกในการซื้อน้ำมัน แลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างประเทศ) แต่หลายประเทศก็ยังใช้รูปแบบมาตรฐานทองคำอยู่นั่นเองเป็นที่มาของการรักษามูลค่า และรักษาความปลอดภัยของเงินนั่นเอง
เงินแต่ละประเทศรักษาความปลอดภัยยังไง
ระบบการรักษาความปลอดภัยทางการเงินที่ในอดีตนั้นคือการที่ให้ธนาคารเป็นศูนย์กลางทั้งหมด ถ้าหากเราเราโอนเงินจากบัญชี A ไป บัญชี B แล้วเกิดระหว่างทางเงินจากบัญชี A โอนออกไปแล้ว แต่ไม่เข้าบัญชี B ความเสี่ยงทั้งหมดก็จะอยู่กับธนาคารนั่นเอง รวมทั้งการแลกเปลี่ยนเงินจากสกุล C ไปเป็นเงินสกุล D ได้หรือเปล่าก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละประเทศ และยังมีค่าธรรมเนียมมากมายที่เป็นข้อจำกัดของการเคลื่อนเงินในรูปแบบเดิม ซึ่งทำให้มีคนกลุ่มหนึ่งอยากจะเปลี่ยนโลกทางการเงินให้ออกไปเป็นอิสระ ไม่ต้องผ่านตัวกลาง เป็นที่มาของเงินคริปโตเคอเรนซี่ หรือ เรียกสั้นๆว่า คริปโต
เงินคริปโตเข้ามาเปลี่ยนแปลงอะไร
การเข้ามาของเหรียญคริปโตนั้นเข้ามาเปลี่ยนกฏเกณฑ์ของการเงินที่มีอยู่เดิมให้เปลี่ยนแปลงไป ทั้งระบบความปลอดภัยของการเงินเดิม ที่ต้องใช้ธนาคารมาเป็นตัวกลางรักษาระบบ ก็เปลี่ยนเป็นทุกคนคือความปลอดภัยผ่านระบบ Blockchain (ซึ่งเราจะเล่าต่อไปว่ามันคืออะไร) และกฏระเบียบข้อกฏหมายต่างๆของโลกการเงิน ปริมาณเงิน มูลค่าของเงิน ทั้งหมดถูกเปลี่ยนด้วยกฏที่ยอมรับร่วมกันภายใต้โค้ดของคอมพิวเตอร์ที่เขียนขึ้นมา
Blockchain เบื้องหลังความปลอดภัยของคริปโต
จากที่กล่าวข้างต้นไปว่าการเงินรูปแบบเดิมนั้นมีการรวมศูนย์ที่ธนาคาร และรัฐบาล ฉะนั้นเมื่อแฮกเกอร์สามารถเจาะเข้าสู่ระบบการเงินของประเทศได้ แล้วไปแก้ตัวเลขในบัญชีธนาคารได้ ก็เท่ากับว่ามีการโจรกรรมการเงินได้เช่นเดียวกัน แต่ระบบ Blockchain นั้นแตกต่างกันออกไป ตรงที่ความปลอดภัยนั้นจะมาเป็นรูปแบบกล่อง (Block) ซึ่ง 1 คนมี 1 กล่อง ทำให้เมื่อ A โอนเงินไปให้ B แล้ว B โอนไปให้ C ต่อไป D E F G H ฯลฯ ทุกคนที่ถือเหรียญจะมีการบันทึกของเหรียญไว้ได้ทั้งหมด
ในกรณีที่ A แจ้งว่าเหรียญหายไป 10 เหรียญเฉยๆ แต่เมื่อไปดูกล่องของคนส่วนมากในระบบ ไม่ได้เห็นว่าเหรียญของ A มี 10 เหรียญตั้งแต่แรกแล้ว ก็จะรู้ว่าสิ่งที่ A พูดมาไม่เป็นความจริง จากความปลอดภัยที่เรียกว่า กล่อง (Block) เชื่อมต่อกันเป็นโซ่ (Chain) บันทึกทุกการเคลื่อนไหวของเงินคริปโต
ประชาธิปไตยจริงหรือเปล่า
จะเห็นว่าด้วยลักษณะของมันที่เป็น Blockchain ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน โดยที่แต่ละเหรียญที่ถูกสร้างขึ้นมานั้นจะมีกฏเกณฑ์ของเหรียญ ฉะนั้นเมื่อเวลาผ่านไปการจะเปลี่ยนกฏเกณฑ์ต่างๆได้ ต้องได้ความยินยอมจากคนที่ถือเหรียญที่มีปริมาณเกินครึ่งหนึ่งของระบบ ซึ่งตรงตามหลักการของประชาธิปไตยทุกอย่าง จนกระทั่ง..
หลังจากที่การกำเนิดของคริปโตนั่นเบ่งบานขึ้น ก็เกิดผู้ให้บริการตัวกลางขึ้นมาช่วยเหลือ และเข้ามาเพิ่มมูลค่าของเหรียญ ซึ่งการจัดตั้งองค์กรขึ้นมารับเงินสกุลเงินแต่ละประเทศนั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าหากไม่ได้รับความยินยอมจากรัฐบาลในการเคลื่อนย้ายเงิน เกิดเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนเงินกับเหรียญคริปโต ทำให้ในอนาคตเราอาจจะพอคาดเดาได้ว่าสุดท้ายมันก็อาจจะเป็นสินทรัพย์ดิจิตอล ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลได้เช่นเดียวกัน
นายทุนควบคุมตลาด
ในช่วงปีที่ผ่านมามีการเข้ามาซื้อเหรียญบิทคอย ปริมาณมากๆจากนิรนามเกิดเป็นศัพท์ใหม่ที่เรียกว่า Bitcoin Whale ที่แตกต่างไปจากการเงินรูปแบบเดิมคือ การซื้อสกุลเงินปริมาณมากๆ นั้นเกิดจากการซื้อขายทางธุรกิจ เช่น การซื้อปลาทูน่ากระป๋องปริมาณมากของสหรัฐอเมริกา ทำให้ประเทศได้รับเงินดอลล่ามาปริมาณมากจากการซื้อขายปลากระป๋อง แต่ในโลกของคริปโตนั้นการซื้อปริมาณมากไม่สามารถรู้ได้ว่าใครซื้อไป (มีแค่เจ้าของเงิน กับตัวกลางเท่านั้นที่รู้) เป็นที่มาว่าทุกการขึ้นลงของมูลค่าของคริปโต เราจะไม่สามารถเดาได้แน่ชัดว่าเกิดจากนายทุนคนไหนขายออกไป หรือ ซื้อเข้ามาไว้สะสมนั่นเอง
เงินตรา เงินคริปโต มีอะไรที่เชื่อมโยงกัน
เหนือสิ่งอื่นใดเงินคริปโตเมื่อเทียบกับเงินตราของแต่ละประเทศนั้นถือว่ายังใหม่มากสำหรับโลกการเงินเช่นเดียวกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เรายังคงรู้ได้อย่างแน่นอนคือเบื้องหลังการเงินนั้นมีมนุษย์ควบคุมอยู่ และประวัติศาสตร์ของมนุษย์เราก็จะกลับไปผิดซ้ำที่จุดเดิมเช่นเดียวกัน กล่าวคือเงินตราเองก็มีฟองสบู่ เงินคริปโตก็มีฟองสบู่ เงินตรามีถูกและแพงตามวงรอบของเศรษฐกิจ เงินคริปโตก็มีวงรอบของมันเช่นเดียวกันเพียงต่างกันที่จังหวะและเวลาให้เราได้ศึกษากันต่อไป…
สรุป
เบื้องหลังของระบบเหรียญคริปโตคือ Blockchain ที่เป็นโค้ดคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบอยู่เบื้องหลัง กระจายอำนาจการรักษาข้อมูลที่เป็นจุดแข็ง ฉะนั้นเบื้องหลังของความปลอดภัยของข้อมูล คือการมีบลอค (ผู้ใช้) มีปริมาณมากพอที่จะทำให้มีการตรวจสอบกันและกัน ฉะนั้นระบบ Network บริษัทที่ดีถ้าได้รับการออกแบบโดยผู้ที่เข้าใจระบบ Cybersecurity ก็จะช่วยให้มีความปลอดภัยอย่างครอบคลุม โดยผู้เชี่ยวชาญของ Prospace มีประสบการณ์ด้านการดูแล Firewall as a Service ที่เป็นหัวใจหลักของออฟฟิศในปัจจุบัน
โดยระบบความปลอดภัยนั้นไม่ได้เกิดจากการนำผู้รักษาความปลอดภัยมาประจำจุดแล้วจบทุกปัญหา แต่การมีความปลอดภัยทางระบบเกิดจากการออกแบบการเดินทางของข้อมูลให้เหมาะสมกับระดับความปลอดภัย แล้วการรักษาความปลอดภัยประจำจุดจะมีประสิทธิภาพสูงสุดอย่างที่องค์กรต้องการ ซึ่งสามารถปรึกษาด้านระบบความปลอดภัยในองค์กรกับเรา เพียงกรอกข้อมูลด้านล่างนี้ แล้วเจ้าหน้าที่จะเข้าไปให้ความช่วยเหลือท่านเลย